นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “ก่อนจะสายเกินไป” ระบุว่า เพียงแค่ไม่ถึงหนึ่งเดือนเต็มของรัฐบาลคุณประยุทธ์ 2 ประเทศไทยตกอยู่ในความอึมครึม
ไม่มีใครมองเห็นอนาคตที่สดใส
ผิดกับบรรยากาศและความคาดหวังของประชาชนทั่วประเทศก่อนการเลือกตั้งโดยสิ้นเชิง
ระเบิดหลายจุดกลางกรุงเทพที่บั่นทอนความน่าเชื่อถือของรัฐบาล, ปัญหาเกี่ยวกับการถวายสัตย์ฯ
ที่ไม่เป็นตามรัฐธรรมนูญ
จนหลายคนคาดว่านายกรัฐมนตรีอาจจะลาออกตั้งแต่ยังไม่เริ่มทำงาน, พรรคเล็กประกาศออกจากการร่วมรัฐบาล
ซึ่งทำให้เสียงฝ่ายรัฐบาลและเสียงฝ่ายค้านใกล้เคียงกัน
รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำมีแนวโน้มที่จะไร้เสถียรภาพและไม่สามารถผลักดันกฎหมายที่เป็นนโยบายของรัฐบาลได้
สิ่งต่างๆ
เหล่านี้ทำลายความหวังถึงชีวิตที่ดีขึ้นของคนไทยส่วนใหญ่ที่เหลืออยู่น้อยนิด
ในระหว่างความอึมครึมที่มองไม่เห็นอนาคตดังกล่าว
รัฐบาลพยายามทำให้ประชาชนเชื่อว่า อย่าเพิ่งสนใจปัญหาการเมือง เพราะเราต้อง “แก้ปัญหาปากท้อง” ก่อน
อย่างไรก็ดี
หากเราไม่หลงลืมข้อเท็จจริง เราจะมองเห็นว่า
ปัญหาที่เกิดขึ้นลักษณะนี้มีต้นตอมาจากปัญหาการเมือง มาจากรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2560
ตามที่หลายฝ่ายได้เคยตั้งช้อสังเกตเอาไว้ตั้งแต่แรกเริ่มของการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้แล้ว
รัฐธรรมนูญนี้ออกแบบมาให้มีพรรคการเมืองขนาดเล็กจำนวนมาก
เกิดรัฐบาลผสมหลายพรรค ฝ่ายบริหารไม่มีความเข้มแข็ง
ความยุ่งยากในการบริหารพรรคเล็กจำนวนมากและหลากหลายอุดมการณ์ที่รัฐบาลเผชิญอยู่นั้น
คือผลของกติกาที่ตัวเองออกแบบมาเอง ซึ่งเมื่อรัฐบาลไร้เสถียรภาพ
การผลักดันนโยบายและการปฏิรูปที่สำคัญจึงเป็นไปไม่ได้
การตัดสินใจใช้สูตรคำนวณ
ส.ส.
บัญชีรายชื่อแบบไม่สมเหตุสมผลของคณะกรรมการการเลือกตั้งซ้ำเติมสถานการณ์ขึ้นไปอีก
การตัดสินใจดังกล่าวทำให้พรรคการเมืองที่ต่อต้านการสืบทอดอำนาจของ คสช.
ที่ควรรวมเสียงได้มากกว่ากึ่งหนึ่งของสภา มีโอกาสรวมเสียงได้มากกว่ารัฐบาลชุดนี้
และมีความชอบธรรมที่จะเป็นฝ่ายรัฐบาล กลายเป็นฝ่ายค้านอย่างฉิวเฉียด
ค้านสายตาประชาชน
การตัดสินใจดังกล่าวของ
กกต. มีส่วนทำให้สังคมไทยเดินมาสู่ความอึมครึมที่ไม่เห็นอนาคตอย่างที่เป็นอยู่
ภายใต้ภาวการณ์การเมืองเช่นนี้
การ “แก้ปัญหาปากท้องก่อนแก้ปัญหาการเมือง” จึงเป็นไปไม่ได้ และเป็นแค่คำลวง
เพราะการพัฒนาเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง, มีคุณภาพ, และยั่งยืน ไม่สามารถเกิดได้เลยใต้สภาพการเมืองปัจจุบัน
ข้อเสนอของพรรคอนาคตใหม่คือ
เราจำเป็นต้องเริ่มต้นปรึกษาหารือกันเพื่อสร้างกฎกติกาการเมืองใหม่ที่ทุกฝักฝ่าย
ทุกทัศนคติทางการเมือง สามารถอยู่ร่วมกันได้และตอบสนองความต้องการร่วมของสังคมได้
เราจำเป็นต้องร่วมกันแสวงหาระบบสังคมการเมืองที่มีฐานความชอบธรรมทางประชาธิปไตย, สะท้อนอำนาจและเสียงของประชาชนอย่างแท้จริง, ก่อให้เกิดรัฐบาลและรัฐสภาที่มีประสิทธิภาพ, พร้อมกับมีระบบการตรวจสอบถ่วงดุลการใช้อำนาจตามหลักนิติรัฐ
ถ้าสังคมไทยมีระบบสังคมการเมืองที่เป็นที่ยอมรับร่วมกันแล้ว
การเอาชนะคะคานกันอย่างเอาเป็นเอาตายจะไม่เกิดขึ้น และนั่นจะเปิดทางให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างจริงจังและอย่างสอดคล้องกับความต้องการของประชาชน
เรา -พรรคอนาคตใหม่-
เชื่อว่าระบบการเมืองที่ดีจะนำมาซึ่งการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมที่ดี
ด้วยการสร้างกฎกติกาการเมืองใหม่เท่านั้นที่จะสร้างพื้นฐานให้สังคมไทยก้าวเดินไปข้างหน้าได้
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมพรรคอนาคตใหม่จึงเริ่มรณรงค์ให้เกิดการสร้างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มาจากประชาชน, โดยประชาชน และเพื่อประชาชน
การมี #รัฐธรรมนูญใหม่ ที่ทุกฝ่ายยอมรับคือการปลดล็อคประเทศให้เดินไปข้างหน้าได้
และนี่ไม่ใช่ “ทางเลือก” แต่เป็น “ทางรอด” ทางเดียวที่เหลืออยู่
ก่อนที่ความอึมครึมจะกลายเป็นความตึงเครียดทางสังคมที่สูงกว่านี้
ก่อนที่ระเบิดเวลาที่ฝังอยู่ในรัฐธรรมนูญ
พ.ศ. 2560 จะระเบิด
ก่อนที่ประเทศชาติจะล้มเหลวและล้าหลังไปมากกว่านี้
ก่อนที่จะเกิดความขัดแย้งใหญ่จนมีคนบาดเจ็บล้มตาย
ก่อนจะสายเกินไป