นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส. นครพนม พรรคเพื่อไทย ให้ความเห็นต่อกระแสข่าวการสร้างความปรองดองของคนในชาติว่า ผมสนใจเรื่องนี้มานาน จึงขอฝากข้อสังเกตไปยัง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รวม 4 ประการ ดังนี้
1. ในการรัฐประหารเมื่อ 22 พ.ค.57 มีข้ออ้างประการหนึ่งนอกเหนือจากการรักษาความสงบเรียบ
ร้อยในบ้านเมือง คือ การสร้างความปรองดองของคนในชาติ บัดนี้ เวลาผ่านมากว่า 6 ปี ไม่มีความคืบหน้าใด ๆ ท่านจึงควรรับผิดชอบคำพูดของท่าน เมื่อเรียนผูก ก็ต้องเรียนแก้
ประชาชนคนไทยคงจำกันได้ว่า หลังรัฐประหาร พล.อ.ประยุทธ์ ฯ ได้นิรโทษกรรมตนเองและพวกพ้องในทันที เพราะโทษของการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่ไม่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย มีโทษประหารชีวิตสถานเดียว
ดังนั้น จึงอย่าให้สังคมตราหน้าว่า พล.อ.ประยุทธ์ ฯ “เอาตัวรอดคนเดียว” ด้วยการนิรโทษกรรมตนเองและพวกพ้องเท่านั้น
2. อย่าลืมว่า มีผู้ต้องคดีการเมือง คดีอาญาทึ่เกี่ยวเนื่องการเมือง หลากหลายสถานการณ์ ทั้งที่ถูกจำคุก ทั้งประกันตน ทั้งเสียชีวิตไปแล้วก็มี ทั้งหมดไม่มีใครต้องโทษถึงประหารชีวิต แต่ต้องตกระกำลำบากมาหลายปีดังกล่าว ผิดกับท่านและพวกพ้องที่นิรโทษกรรมตนเองในทันทีดังกล่าวข้างต้น
บัดนี้ เวลาได้ฆ่า ได้ผ่อนคลายสถานการณ์จนถึงระดับที่น่าจะสร้างความปรองดองของคนในชาติได้แล้ว เฉพาะอย่างยิ่ง หลังไวรัสโควิดคลี่คลาย แต่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจร้ายแรงอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อนตามมา ซึ่งคาดการณ์ได้ว่าจะมีคนตกงานถึง 10 ล้านคน ธุรกิจ และกิจการต่าง ๆ จะปิดกิจการมากมาย จำเป็นอย่างยิ่งที่จะตัองสร้างความสามัคคีของคนในชาติ เพื่อระดมสติปัญญาจากทุกภาคส่วนร่วมกันแก้ไขปัญหาประชาชนและชาติบ้านเมืองให้พ้นจากวิกฤตโดยเร็ว ทั้งนี้ การสร้างความปรองดองของคนในชาติจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งเสริมให้เกิดความรัก ความสามัคคี ร่วมมือกันแก้ไขปัญหาชาติบ้านเมืองได้เป็นอย่างดี
3. ผู้ที่จะเริ่นต้นในการเสนอกฎหมายนิรโทษกรรมมีเพียงรัฐบาลเท่านั้น ถึงจะประสบความสำเร็จ และการนิรโทษกรรมควรดำเนินการเฉพาะคดีการเมือง และคดีอาญาเกี่ยวเนื่องการเมือง ยกเว้นคดีทุจริต
สำหรับคดีทุจริต นั้น ปัจจัยสำคัญยิ่ง คือ กระบวนการกล่าวหาต้องยืนอยู่บน “หลักนิติธรรม” ถึงจะได้รับการยอมรับจากนานาอารยประเทศ เฉพาะอย่างยิ่ง จะได้รับการยอมรับจากผู้ที่ถูกกล่าวหา
4. ในเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้ จะมีวันสำคัญของชาติ ซึ่งเป็นห้วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะสร้างความปรองดองของคนในชาติ เมื่อบวกกับ
สถานการณ์หลังวิกฤตไวรัสโควิตจำเป็นจะต้องระดมสติปัญญา ความรู้ ความสามารถจากภาคส่วนต่าง ๆ ร่วมกันแก้วิกฤตของชาติ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคม
ดังนั้น ณ ห้วงเวลาดังกล่าว จึงเป็นห้วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะร่วมกันสร้างความปรองดองของคนในชาติด้วยการออกกฎหมายนิรโทษกรรมคดีการเมือง และคดีอาญาเกี่ยวเนื่องการเมือง
นายชวลิต ฯ กล่าวในที่สุดโดยขอสรุปว่า พล.อ.ประยุทธ์ ฯ ควรอย่างยิ่งที่จะแสดงภาวะผู้นำ เมื่อเรียนผูก ก็ต้องเรียนแก้ รับผิดชอบต่อคำพูดตนเอง ไม่เอาตัวรอดคนเดียว ไม่อย่างนั้น คำพูดของท่านที่บอกกับสังคมว่า เป็นชายชาติทหาร ก็เป็นเพียงลมปากที่ออกจากปากไป ไร้ความหมาย ไร้คุณค่าใด ๆ ต่อสังคมและประเทศชาติ
ผมและสังคมยังหวังเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ในเดือนกรกฎาคม ที่จะถึงนี้ เพื่อเป็นของขวัญแก่ประชาชนและสถาบันหลักของชาติที่มุ่งหวังเห็นความรัก ความสามัคคีของคนในชาติเป็นพลังสร้างชาติ สร้างแผ่นดินให้เข้มแข็งเป็นปึกแผ่นสืบไป