ที่อาคารรัฐสภา นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล เเถลงข่าวถึงกระบวนการของรัฐบาลในการเเจกงบประมาณต่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร โดยผ่านจากการใช้เม็ดเงินจาก พรก.กู้เงิน ทั้ง 3 ฉบับ ว่า
งบประมาณที่ตนได้ยินมาเมื่อช่วงเช้าวันที่31 พ.ค.โดยเป็นการพูดคุยระหว่างส.ส.ด้วยกัน ทั้งในพรรค ฝ่ายค้านและรัฐบาลว่าจะมีการจขัดสรรงบประมาณให้80ล้านบาทสำหรับส.ส.แต่ละคน ซึ่งตรงนี้ไม่ใช่ไม่มี แต่มีมานานแล้วที่เรียกว่า “งบส.ส.” ซึ่งเมื่อครั้งที่ตนเป็นกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 63 ประเด็นนี้ก็มีเรื่องมาเข้าหูเหมือนกัน ในครั้งนั้นมีการพูดคุยในลักษณะนี้ว่ามีการแบ่งปันงบส.ส.ตัวเลขอยู่ที่ 20-30ล้านบาท แต่ตอนนั้นเราทำอะไรไม่ได้เพราะขณะนั้นพรรคอนาคตใหม่ไม่มีส่วนร่วมในการพูดคุยเกี่ยวกับงบส.ส.ดังกล่าว แต่ครั้งนี้เมื่อตนได้ยินเรื่องนี้แล้วคิดว่าจำเป็นที่จะต้องลุกขึ้นพูดประเด็นนี้กลางสภา เพราะอย่างน้อยให้ประชาชนได้รับรู้ว่ามีเหตุการณ์ลักษณะนี้เกิดขึ้น
“ จริงๆแล้วงบลักษณะนี้เคยมีมาอยู่แล้วเพราะรัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดเอาไว้ แต่สำหรับรัฐธรรมนูญปี60 มีการบัญญัติในม.144 ว่าการที่ส.ส.จะผันงบลงพื้นที่ตนเองทำไม่ได้ ถือว่าผิดรัฐธรรมนูญและผิดกฎหมาย และขณะนี้ประเทศเรากำลังอยู่ภายใต้วิกฤตโควิด จึงจำเป็นต้องกู้เงินภายใต้พ.ร.ก.ที่ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้ 1ล้านล้านบาท ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในประวัติการณ์ ดังนั้นงบที่ได้ควรจะจัดสรรและใช้สอยให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชนและประเทศชาติ ต่อให้ไม่มีงบส.ส. ไม่มีการคอรัปชั่น การบริหารจัดการที่ไม่มีประสิทธิภาพก็แย่อยู่แล้ว แต่ถ้ายังมีการทุจริต แบ่งเค้กกัน ผมเห็นว่าความหวังที่ไทยจะฟื้นฟูผลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสก็ยากเหลือเกิน”
นายพิจารณ์ กล่าว
โดย พิจารณ์กล่าวอีกว่าเมื่อมีงบลงไปแล้วทำให้ส.ส.สามารถเลือกใช้ได้ว่าจะใช้อย่างไรกับโครงการไหน มีโอกาสสูงมากว่าโครงการที่ดีๆมาจากหน่วยงานข้าราชการ และโครงการที่ตอบสนองท้องถิ่นจริงอาจจะไม่เกิดขึ้นเพราะไม่ตรงกับผลประโยชน์นักการเมืองบางคน บางกลุ่มในท้องถิ่น โดยงบเหล่านี้จะไปถึงตัวส.ส.โดยผ่ายผู้ว่าราชการจังหวัด ดังนั้นเป็นสิ่งที่ตนจำเป็นต้องพูดและส.ส.พรรคอื่นหลายคนก็อยากพูดตีแผ่ในเรื่องนี้ แต่พูดไม่ได้เพราะเป็นการขัดผลประโยชน์กับเพื่อนส.ส.ด้วยกัน
ดังนั้น สำคัญที่สุดคือเราต้องตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อตรวจสอบเงินกู้เหล่านี้ “
พิจารณ์ กล่าว
ทั้งนี้ พรรคก้าวไกลยังคงยืนยันตามเจตนารมณ์เดิมของพรรค ที่ให้เสนอให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ โดยเมื่อมีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญฯทางพรรคก้าวไกลจะเสนอให้มีการสร้างดิจิตัลแพลทฟอร์ม เพื่อที่จะจับทุกโครงการที่ใช้งบประมาณและมาตรการแก้ไขโควิด เพื่อจะให้หน่วยงานต่างๆที่ๆได้รับงบประมาณมีหน้าที่ต้องส่งข้อมูลเข้ามา ซึ่งจะรวดเร็วกว่าการให้ฝ่ายบริหารมารายงานต่อสภาทุก3 เดือนหรือ6 เดือน ซึ่งจะรวดเร็วและถูกต้องแม่นยำมากกว่าด้วย ทั้งนี้ระบบดังกล่าวจะได้ผลมากน้อยแค่ไหนต้องอาศัยความร่วมมือจากส.ส.ทุกคน ซึ่งเชื่อว่ามีส.ส.จำนวนมากที่เห็นประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ