“คุณหญิงสุดารัตน์” ระบุ พ.ร.ก.เงินกู้ ที่จะเข้าสภาพุธนี้ ไม่มีรายละเอียดของการใช้เงินกู้ เหมือนให้สภาอนุมัติเช็คเปล่า ชี้ สภาผู้แทนฯไม่ใช่สภาตรายาง

0
1163

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายวิตต์ ก้องธรนินทร์ นายตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส อดีตผู้สมัครส.ส.พรรคเพื่อไทย นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์สมาชิกพรรคเพื่อไทย และทีมงานลงพื้นที่เขตสะพานสูง เขตบางกะปิ เพื่อมอบถุงยังชีพ-ข้าวสาร และเปิดจุดบริการข้าวกล่อง ให้กับประชาชน ที่ได้รับความเดือดร้อน จากการระบาดของไวรัสโควิด-19 พร้อมพูดคุยเพื่อให้กำลังใจ และสอบถามถึงมาตรการเยียวยาของภาครัฐ ว่าดำเนินการทั่วถึง ครอบคลุมบุคคลที่ได้รับความเดือดร้อนหรือไม่ 

ที่การเคหะหมู่บ้านนักกีฬา เขตสะพานสูง นายวิตต์ พร้อมประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย เปิดพื้นที่บริการข้าวกล่องเพื่อบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชน หลังมีเสียงสะท้อนถึงความยากลำบาก ซึ่งจากการสอบถามยังพบว่า ประชาชนในพื้นที่ ที่ยุติการทำงานในช่วงที่เกิดโรคระบาด ปัจจุบันถูกเลิกจ้างเป็นจำนวนมาก แม้ธุรกิจบริการสถานที่ทำงาน ที่เคยประกอบอาชีพจะเริ่มกลับมาให้บริการแล้วก็ตาม นอกจากนี้ประชาชนในพื้นที่ ยังระบุในทิศทางเดียวกันว่า การเปิดจุดบริการอาหาร หรือการมอบถุงยังชีพและข้าวสาร ยังมีความจำเป็นที่ควรทำต่อเนื่อง เพราะความเดือดร้อนของประชาชนและการขาดรายได้ ยังคงเป็นปัญหาใหญ่ แม้สถานการณ์ของโรคระบาดเริ่มคลี่คลาย

ไม่ต่างจากพื้นที่บ้านเอื้ออาทร เขตบางกะปิ ซึ่งนายตรีรัตน์และคุณหญิงสุดารัตน์ ลงพื้นที่แจกข้าวสาร กว่า 500 ชุดพร้อมรับฟังเสียงสะท้อน ของประชาชน ซึ่งได้ทราบข้อเท็จจริงไม่ต่างกันว่าประชาชนกำลังเดือดร้อนจากปัญหาหลักที่มาจากการขาดรายได้ 

ขณะที่คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุภายหลังการลงพื้นที่ว่าปัญหาเศรษฐกิจปากท้องกำลังเป็นปัญหาใหญ่สำหรับประชาชนทุกหย่อมหญ้า รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการใน 3 เรื่องหลักคือ

1) เร่งเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐบาลที่ให้ปิดเมือง 

ปิดกิจการ 

2) เร่งช่วยเหลือธุรกิจรายย่อย SMEs

ก่อนธุรกิจเหล่านี้จะหมดลมหายใจ

3) เร่งปลด Lock เปิดเมือง เปิดกิจการอย่างปลอดภัย โดยให้มีข้อกำหนดทางสาธารณสุขที่ชัดเจน

 “ยิ่งปลดLockช้า เศรษฐกิจยิ่งสาหัส”

เราต้องช่างน้ำหนัก ในการออกมาตรการในการควบคุมโรคให้เหมาะสม กับความเสียหายทางด้านเศรษฐกิจที่กำลังเป็นปัญหาอย่างหนัก โดยเฉพาะในขณะนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อได้ลดลงอย่างมาก มาต่อเนื่อง จึงถึงเวลาที่จะปลดล็อค เปิดให้โอกาสประชาชนกลับมาทำมาหากินได้

ถึงวันนี้จึงไม่มีความจำเป็นที่ต้องต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอีกต่อไปอีก 

เว้นแต่จะนำเรื่องCOVID มาเป็นข้ออ้างโดยรัฐบาล อาจห่วงความมั่นคงของตัวเองมากเกินไปจึงใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินเป็นเครื่องมือ จะเห็นได้จากการปิดกั้นการแสดงออกในโอกาสครบรอบ6 ปีรัฐประหาร ซึ่งไม่ใช่ปัญหาเกี่ยวกับโรคติดต่อวิธีการเหล่านี้จะยิ่งทำให้เกิดปัญหาใหม่และความขัดแย้งในสังคมเพิ่มขึ้น

ขณะเดียวกันพรรคเพื่อไทย อยู่ระหว่างการประชุมหารือ ตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมาและจะมีการพูดคุยในช่วงเสาร์อาทิตย์ถึงแนวทางการอภิปราย พระราชบัญญัติกู้เงิน 1.9 ล้านล้านบาท พร้อมจะนำปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนไปพูดคุยในสภาผู้แทนราษฎร หลังรัฐบาลสั่งปิดกิจการ จนประชาชนได้รับผลกระทบอย่างกว้างขวาง ซึ่งจะมีประเด็นที่น่าจับตาเป็นพิเศษ โดยเฉพาะการกู้เงินที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย 

ที่สำคัญคือเรื่องการขออนุมัติโดยใช้พ.ร.ก.เงินกู้ กลับไม่มีรายละเอียดของโครงการอย่างชัดเจน แล้วสภาฯจะสามารถพิจารณาได้อย่างไร อย่าคิดว่าสภาผู้แทนราษฎร เป็นสภาตรายางเหมือนที่ผ่านมา ดังนั้น การออกพ.ร.ก.ในลักษณะเช่นนี้ พรรคเพื่อไทย จึงไม่เชื่อใจ ไม่มั่นใจในประสิทธิภาพและความสามารถในการใช้เงินให้เกิดประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน ขณะเดียวกันยังกังวลว่า การที่พระราชกำหนดเงินกู้ไม่มีความชัดเจนจึงมีความเสี่ยงที่ส่อว่าจะเกิดการทุจริตได้