นางสาวทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า วิกฤติในพื้นที่ภาคเหนือปีนี้ถือว่าหนักมาก ทั้งฝุ่นพิษ ไฟป่า และสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบโดยตรงต่อ ภาคเศรษฐกิจกระทบไปทุกจังหวัด คาดการณ์ว่าในปีนี้เศรษฐกิจในเชียงใหม่จะติดลบ เพราะเป็นเมืองท่องเที่ยว แต่เมื่อเกิดการระบาดของไวรัสโควิด-19 นักท่องเที่ยวไม่เดินทางมา รวมทั้งเศรษฐกิจในพื้นที่ก็ประสบปัญหาประชาชนไม่มีรายได้ ส่วนใหญ่ประสบปัญหารายจ่ายในชีวิตประจำวัน
แม้รัฐบาลจะคลายล็อคบางกิจการ แต่ไม่มีผลในทางปฏิบัติ ประชาชนไม่ออกไปจับจ่ายใช้สอย ด้วยมาตรการที่ออกมาไม่ตอบโจทย์ ผู้ประกอบการร้านอาหารมีต้นทุนเพิ่มสูงขึ้น มาตรการที่รัฐออกมานั้นจำกัดสิทธิเสรีภาพ และส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน หากสถานการณ์เป็นเช่นนี้ต่อไปเชื่อว่าผู้ประกอบการจะปิดกิจการเป็นจำนวนมาก เพราะไม่สามารถแบกภาระต้นทุนได้
นางสาวทัศนีย์ กล่าวด้วยว่า การที่รัฐบาลยังคงไม่ยกเลิก การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เป็นสิ่งที่ตอกย้ำว่าเศรษฐกิจไทยจะทรุดหนักไปอีก เพราะนักท่องเที่ยวจะยกเลิกการเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย รัฐบาลหวังใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต่ออายุรัฐบาลโดยไม่คำนึกถึงผลกระทบ ที่เกิดขึ้น
“มาตรการเยียวยาประชาชน เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องเร่งทำ ประชาชนทุกคนที่ได้รับผลกระทบย่อมมีสิทธิที่จะได้รับการเยียวยา แต่รัฐบาลกลับทำเหมือนประชาชนไปขอเงินรัฐบาล ทั้งๆที่งบประมาณที่นำมาจ่ายเป็นเงินภาษีของพี่น้องประชาชน การทำงานที่ไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาล ส่งผลให้ประชาชนหลายล้านคน เข้าไม่ถึงการเยียวยาของรัฐ ดังนั้น รัฐควรกำหนดรูปแบบใหม่ โดยให้ท้องถิ่นมีส่วนร่วม ในการช่วยคัดกรองคนที่เดือดร้อนจริงๆ รัฐบาลควรคำนึงถึงความเดือดร้อนของประชานมากกว่านี้” นางทัศนีย์กล่าว