นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส. นครพนม พรรคเพื่อไทย ให้ความเห็นต่อการแก้ปัญหาไวรัสโควิด – 19 ของรัฐบาลว่า ในประวัติศาสตร์สำคัญ ๆ ของโลก เมื่อประชาชนมี “ความหิว” จนหาทางออกให้กับตนเองและครอบครัวไม่ได้ อะไร ๆ ที่ไม่คาดคิด ก็เกิดขึ้นได้
สถานการณ์ในประเทศไทย ณ ขณะนี้ หากไม่ผ่อนคลายให้ประชาชนได้ทำมาหากิน ได้หายใจทางธุรกิจบ้างตามสมควรแก่ความเดือดร้อน บ้านเมืองปั่นป่วนแน่ เพราะความหิวไม่เคยปรานีใคร ความหิวไม่เข้าใคร ออกใคร
โดยเฉพาะคนเป็นพ่อ แม่ เป็นหัวหน้าครอบครัวไม่ยอมให้ลูกอดตายแน่ หรือบางทีก็อาจคิดสั้น ทำลายตนเอง ทำลายครอบครัว ก็มีตัวอย่างให้เห็นมาเป็นระยะ ๆ จึงอย่าได้ประมาทสถานการณ์ความยากแค้นของประชาชน
คนที่มีเงินเดือนกิน คนที่ร่ำรวย คนที่มีมรดก อยู่บนกองเงิน กองทอง ซึ่งมีจำนวนน้อยนิด ไม่รู้หรอกว่า ความลำบากยากแค้น เป็นอย่างไร ไม่เคยรู้รสชาติ ว่าไม่มีจะกิน มันลำเค็ญขนาดไหน
ด้วยความเป็นห่วงสถานการณ์ ผมขอเสนอแนะรัฐบาล ดังนี้
ขอฝากฝ่ายบริหารได้ปรึกษากับฝ่ายควบคุมโรค ว่าถึงเวลาจำเป็นที่รัฐบาลต้องผ่อนคลายให้ประชาชนได้ประกอบอาชีพเพื่อยังชีพ ขอเน้นคำว่า เพื่อยังชีพ โดยฝ่ายควบคุมโรคควรมีมาตรการที่เหมาะสมในการควบคุมโรค ที่ประชาชนสามารถดำเนินการได้ ทั้งในการประกอบอาชีพ และควบคุมป้องกันโรค โดยให้ทั้งสองอย่างดำเนินไปด้วยกัน ทั้งนี้ ระยะเวลาในการมีมาตรควบคุมเข้มข้นไม่ควรเกินอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า คือ สิ้นเดือนเมษายน 2563 เพราะถ้ายืดเวลามาตรการควบคุมไปจนถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม 2563 คาดการณ์ได้ว่า คนจนซึ่งขณะนี้กลายเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศไปแล้ว จะลำบากยากแค้นอย่างสาหัสแน่ แล้วจะส่งผลให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาในภาพรวมได้ยากยิ่งขึ้น
ขอย้ำว่า “ความหิว” ไม่เคยปรานีใคร อะไรที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นได้ เมื่อประชาชนมีความหิว
อนึ่ง มาตรการเยียวยาประชาชน รายละ 5,000 บาท ในโครงการ “เราไม่ทิ้งกัน” ซึ่งมีประเด็นที่ประชาชนจำนวนมากร้องเรียนว่า เข้าไม่ถึงสิทธิ์บ้าง ถูกตัดสิทธิ์บ้าง นั้น
ถ้าจะตรวจสอบสิทธิประชาชนให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยระบบ ไม่ควรรวมศูนย์ไว้ที่ส่วนกลางเท่านั้น ดังนั้น เพื่อความรอบคอบ ความถูกต้องในข้อมูล ควรกระจายอำนาจไปยังส่วนภูมิภาค และท้องถิ่น ได้มีส่วนอย่างสำคัญในการตรวจสอบสิทธิประชาชนอย่างกว้างขวาง เพราะทั้งสององค์กรนั้นอยู่ใกล้ชิดประชาชน
ประการสำคัญ รัฐบาลต้องรีบจ่ายเงินเยียวยาอย่างรวดเร็ว กว้างขวาง และทั่วถึง เพื่อเร่งให้เงินหมุนเวียนอยู่ในระบบในหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัดให้มากที่สุด
ผมคิดว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกพรรคซึ่งมาจากพี่น้องประชาชนยินดีให้ความร่วมมือในการเปิดสภาสมัยวิสามัญ ขอเพียงรัฐบาลใจกว้างร่วมมือกันดำเนินการให้เป็นวาระแห่งชาติเหมือนที่นายกรัฐมนตรีได้ประกาศไว้จริง ๆอย่าเพียงแต่พูด แต่ข้อเท็จจริง ยังแบ่งเขา แบ่งเรา แล้วบ้านเมืองจะออกจากวิกฤตได้อย่างไร
นอกจากนี้ ยังมีเกษตรกร ซึ่งเป็นประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ยังไม่ได้รับอานิสงส์ใด ๆ ในการเยียวยาจากรัฐบาล ซึ่งพรรคเพื่อไทยจะได้เสนอแนะต่อไปในนโยบายเรื่อง “ความมั่นคงทางอาหาร” (Food security)
หลักคิดในเรื่องนี้ก็ คือประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม ผลิตข้าวปลาอาหารป้อนคนไทยและป้อนชาวโลกมาช้านาน
ในวิกฤตไวรัสโควิด – 19 ครั้งนี้ ประเทศไทยควรแปรวิกฤตให้เป็นโอกาส ในการผลิตอาหารสุขภาพ ป้อนคนไทย และป้อนชาวโลก
การวางแผนที่ดี รอบคอบ รัดกุม ย่อมเป็นประโยชน์มากกว่าการตามแก้ปัญหา อย่างเช่นปัญหาการกักตุนหน้ากากอนามัย และเจลแอลกอฮอล์ ที่ผ่านมา เป็นตัวอย่าง
ที่ไม่ดี ที่ไม่ควรเกิดขึ้นอีกเป็นอันขาด
นโยบาย “ความมั่นคงทางอาหาร” (Food security) เป็นเรื่องสำคัญที่คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยจะได้นำเสนอในโอกาสอันใกล้ต่อไป