เมื่อวันที่ 16 มกราคม ที่รัฐสภา (เกียกกาย) นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ ในฐานะ โฆษกกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน แถลงข่าวการประชุม กมธ. โดยตอนหนึ่งระบุว่า ก่อนนี้ในสภาผู้แทนราษฎรมีการยื่นญัตติขอตั้ง กมธ.วิสามัญศึกษาผลกระทบจากการใช้คำสั่ง ตาม ม.44 และประกาศคำสั่้ง คสช. ซึ่งผลคือญัตตินี้ตกไป แต่อย่างไรก็ตาม ทาง กมธ.กฎหมายฯ จึงได้มีการประชุมและพิจารณากันจนมีมติตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาผลกระทบจากการกระทำ ประกาศคำสั่ง คสช. และการใช้อำนาจหัวหน้า คสช. ตาม ม. 44 ตลอดจนประกาศและคำสั่งของคณะปฏิวัติอื่นๆ โดยตั้งเป็นคณะทำงาน เนื่องจากโควต้าการตั้งอนุฯ กมธ. นั้นเต็มแล้ว และเมื่อผลการศึกษาเป็นอย่างไรจะนำมาพิจารณาดำเนินการต่อไป
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า อีกกรณีหนึ่งคือ กิจกรรมวิ่งไล่ลุง ซึ่งจากการติดตามและรับทราบจากสื่อมวลชน ปรากฏว่ามีการคุกคามประชาชน นักศึกษาทั่วประเทศ ในหลายพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็น จ.นครพนม จ.บุรีรัมย์ จ.พะเยา จ.นครศรีธรรมราช เป็นต้น ซึ่ง กมธ. กฎหมายฯ เห็นว่า เมื่อมีเหตุแบบนี้ จะต้องมีการสอบสวน ซักถาม ซึ่งแน่นอนว่าเราไม่สามารถตามดูครอบคลุมทุกจังหวัดได้ จึงมีมติว่าจะเชิญมาสอบถามเรื่องนี้ใน 2 จังหวัด คือ จ.พะเยา กับ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นกรณีที่นักศึกษา ม.วลัยลักษณ์ไม่ได้รับอนุญาตให้จัดกิจกรรมในพื้นที่มหาวิทยาลัย
“สำหรับบุคคลที่เราจะเชิญมาชี้แจงมีอยู่ 3 ท่าน คือ 1.พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุด เป็นผู้กำหนดนโยบาย เพราะสิ่งหนึ่งที่ กมธ. สงสัยคือว่า ทำไมการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจในกรุงเทพฯ กับต่างจังหวัดจึงแตกต่างกัน เลยอยากเชิญท่านมาซักถาม 2.อธิการบดี ม.วลัยลักษณ์ มีข้อสงสัยว่า ทำไมนักศึกษาจึงไม่สามารถใช้สิทธิของตน ซึ่งเป็นเรื่องไม่กระทบกระเทือนความมั่นคง ในพื้นที่่มหาวิทยาลัยนั้นได้ และ 3. ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรเมืองพะเยา ในฐานะผู้บังคับใช้กฎหมายสูงสุดในท้องที่นั้น กมธ.จะเชิญมาชี้แจงในการพิจารณาต่อไป” นายรังสิมันต์ กล่าว