นายพงศกร อรรณนพพร อดีตส.ส.หลายสมัย พรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้อำนวยการการเลือกตั้งจังหวัดขอนแก่นพรรคเพื่อไทยกล่าวถึงกรณีที่ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย นัดหมายสมาชิกรวมถึงส.ส.เข้าไปพูดคุยในวันนี้ว่า
หลังจากมีการเลือกตั้งวันที่ 22 ธันวาคม ที่จังหวัดขอนแก่น ซึ่งคุณหญิงสุดารัตน์ ถือเป็นเรี่ยวแรงหลักในการช่วยผู้สมัครหาเสียงเลือกตั้งแข่งกับพรรคฝ่ายรัฐบาล และมีสมาชิกพรรครวมถึงส.ส.ลงพื้นที่ช่วยหาเสียงเป็นจำนวนมาก
เมื่อเสร็จภารกิจจึงได้มีการนัดหมาย เพื่อเลี้ยงขอบคุณทีมงานและคณะทั้งหมด ที่แสดงน้ำใจช่วยรณรงค์หาเสียง โดยตอนแรกจะนัดกันช่วงวันขึ้นปีใหม่ แต่เนื่องจาก ส.ส.ต่างมีภารกิจในพื้นที่ กำหนดการจึงถูกเลื่อนออกมา และมาลงตัวในช่วงเวลานี้
“การเดินทางไปวันนี้ไม่ใช่การรวมพลังและไม่มีนัยยะทางการเมือง พวกที่พูดหรือคิดแบบนี้ คือผู้ประสงค์ร้าย ไม่หวังดีต่อพรรค คนที่พูดและคิดเป็นพวกมองการเมืองแบบเก่า พวกการเมืองน้ำเน่า และไม่ประสงค์ดีต่อพรรคต้องหมดไป”นายพงศกรกล่าว
ส่วนประเด็นที่มองว่าส.ส.อีสาน ไม่สนับสนุนการทำงานของคุณหญิงสุดารัตน์นั้น ยืนยันว่า นับแต่อยู่กับพรรคไทยรักไทย ตั้งแต่ปี 2544 ถือเป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งของพรรค ร่วมกับคุณหญิงสุดารัตน์ มานาน
“ยืนยันว่าส.ส.อีสานไม่มีใครที่ปฏิเสธคุณหญิงสุดารัตน์ โดยเฉพาะคนที่ร่วมก่อตั้งพรรคมา หรือส.ส.ไม่ว่าจะเก่าหรือใหม่ รวมถึงพี่น้องประชาชนในพื้นที่ภาคอีสาน ไม่มีใครปฏิเสธคุณหญิงสุดารัตน์ และต้องการเห็นคุณหญิงสุดารัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี การเลือกตั้งที่ผ่านมาประชาชนก็ต้องการเห็นคุณหญิงสุดารัตน์เป็นนายกรัฐมนตรี พวกที่ไม่เห็นด้วยก็ต้องถามว่ามีบทบาทสำคัญอย่างไรในพรรค หรือไม่มีบทบาทแต่ต้องการมีบทบาท และมีวัตถุประสงค์อย่างไร พวกที่พูดอาจจะไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของพรรคหรือไม่”นายพงศกร กล่าว
นายพงศกร ย้ำว่าความพ่ายแพ้ ที่จังหวัดขอนแก่นประธานยุทธศาสตร์ไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบอะไร และเห็นว่าคนที่เรียกร้องความรับผิดชอบจากประธานยุทธศาสตร์นั้นเป็นวิธีคิดที่ไม่ควรเกิดขึ้น คนที่ออกมาพูดควรต้องรับผิดชอบร่วมกันหรือไม่ ขอถามกลับไปว่าอยากให้ผู้ที่ออกมาพูดแสดงตัวให้ชัดเจน เชื่อว่าคนที่มีแนวคิดเช่นนี้ มีความไม่ชอบส่วนตัวหรือไม่ หรือรับงานมาหรือไม่ มีเจตนาที่ดีต่อพรรคหรือไม่ดีต่อพรรคแน่”นายพงศกรกล่าว
พร้อมยืนยันว่าในฐานะผู้อาวุโสคนหนึ่งของพรรค ในการเลือกตั้งครั้งต่อไปพร้อมสนับสนุนคุณหญิงสุดารัตน์เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเช่นเดิม