นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ระบุ เห็นด้วยที่จะแก้รัฐธรรมนูญปี 2560 ชี้เป็นประชาธิปไตยน้อย แนะต้องไม่เอา ผบ.เหล่าทัพ นั่ง สว. ว่า ยิ่งรัฐธรรมนูญปี 2560 มีผลบังคับใช้นานไปเท่าใด ยิ่งมีคนออกมาแสดงจุดยืนเป็นแนวร่วม เห็นว่าต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญมากขึ้นเท่านั้น ทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่า ถ้าไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ ประเทศเดินหน้าไปไม่ได้ ฉายาสภาฯ “ดงงูเห่า” วุฒิสภาเป็น “สภาทหารเกณฑ์” ประธานวุฒิสภา ได้ฉายา “ค้อนยาง”ไร้บารมี คือภาพสะท้อนที่ชี้ชัดว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ มีความเป็นประชาธิปไตยน้อย ยึดโยงกับประชาชนน้อยมาก ปี 2563 จะเป็นปีที่จะพิสูจน์ความจริงใจ ต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เจ้าของฉายา อิเหนาเมาหมัด แห่งรัฐเชียงกง ว่าจะให้ความร่วมมือในการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยตัวเองหรือปล่อยให้เกิดสถานการณ์พิเศษซ้ำซ้อนขึ้นมา พรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมฝ่ายค้าน ยืนยันมาโดยตลอดว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะไม่แตะหมวด1–หมวด 2 เนื่องจากเนื้อหาสมบูรณ์แล้ว
“ทุกฝ่ายพร้อมแล้วที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยส่วนพล.อ.ประยุทธ์ จะร่วมแก้ หรือ ไม่ให้แก้ อยู่ที่ความจริงใจของรัฐบาล เป็นสำคัญ”นายอนุสรณ์ กล่าว
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด ยังกล่าวถึง การเตรียมความพร้อมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า ขณะนี้คณะกรรมการกิจการพิเศษ พรรคเพื่อไทย ได้จัดเตรียมขุนพลอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลไว้แล้วจำนวน 25 คน จัดหมวดหมู่ แบ่งลักษณะพฤติกรรมและการกระทำที่นำไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ 5 รัฐมนตรี อย่างน้อย 4 หมวดประกอบด้วย
1.การทุจริตเชิงนโยบายในช่วงเป็นรัฐบาลคสช.5ปี
2.ประเด็นความเชื่อมโยงกับผลประโยชน์ทับซ้อนของแกนนำรัฐบาลและคสช.
3.ประเด็นการใช้พวกพ้องและเครือข่ายใกล้ชิดไปดำเนินการที่ไม่เหมาะสม
4.ลักษณะการกระทำความผิดที่สืบทอดจนถึงปัจจุบัน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เจ้าของฉายา อิเหนาเมาหมัด แห่งรัฐเชียงกง และผู้ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะต้องตอบคำถามด้วยตัวเอง นอกจากจำนวนมือที่จะโหวตไม่ไว้วางใจกันในสภา นอกสภาประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะได้ไปต่อ หรือต้องพอแค่นี้
“4 หมวดอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นการกำหนดกรอบเบื้องต้น แต่ไม่ปิดกั้น ยังเปิดกว้าง ทั้งในส่วนเนื้อหาหลักฐานใบเสร็จและจำนวนผู้อภิปรายมั่นใจว่าสามารถน็อครัฐบาลได้” นายอนุสรณ์ กล่าว