นายรยุศด์ บุญทัน รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าวแสดงความคิดเห็นต่อกระแสสังคมออนไลน์ว่า ในโลกยุคปัจจุบัน ข่าวสารเป็นไปอย่างรวดเร็ว การค้นหาข้อมูลข่าวสารเก่า ๆ หาประวัติของใครคนใดคนหนึ่ง ไม่ยากเลย เพียงแค่มีอินเตอร์เน็ตเท่านั้น ยกตัวอย่าง เมื่อมีการเปิดเผยรายชื่อผู้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีออกมา ก็จะมีคนนำมาค้นหาพื้นเพ ภูมิหลัง หากมีข้อสังเกต น่าสงสัย น่าสนใจ ก็จะมีการนำออกมาเปิดเผย ทำให้เกิดการวิพากษ์ วิจารณ์กันในวงกว้างอย่างทันทีทันใด ไม่ทันที่จะได้อภิปรายในสภาฯอย่างสมัยก่อน แล้วข้อมูลนั้น ๆ ก็มักจะเป็นข้อเท็จจริง ค่อนข้างที่จะน่าเชื่อถือ พิสูจน์ได้ มากกว่าข้อมูลที่นักการเมืองสมัยก่อนนำมาอภิปรายในสภาฯเสียอีก อย่างล่าสุด ก็ได้มีการวิพากษ์วิจารณ์ ประวัติของรัฐมนตรีหลาย ๆ คนกันอย่างเป็นวงกว้าง สร้างความกังขาให้บุคคลทั่วไป ถึงคุณสมบัติรัฐมนตรีหลาย ๆ คนในรัฐบาลชุดนี้ บ้างก็เรียกว่าเป็น “รัฐมนตรีสีเทา” ทั้ง ๆ ที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผู้มีผลงานการทำงานเป็นที่ประจักษ์มาถึง 5 ปี เป็นผู้จิ้มเลือกด้วยตัวเอง พร้อมออกโรงมั่นใจในคุณสมบัติของรัฐมนตรีเหล่านั้น แม้ก่อนหน้านี้จะมีกระแสข่าวความขัดแย้ง แบ่งเค้กไม่ลงตัว มากมายในฟากรัฐบาลที่มีพรรคร่วมกันถึง 19 พรรคการเมือง กว่าจะได้รายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดนี้มาก็ใช้เวลากว่า 4 เดือนเลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม การจะลบคำสบประมาทคนในสังคมได้ ทำได้วิธีเดียว คือทำดีให้มากกว่า โดยทำงานให้เป็นสองเท่าของรัฐมนตรีทั่วไป พิสูจน์ตัวเองให้สังคมเห็น ดังคำที่ว่า “แมวจะสีอะไร ขอให้จับหนูได้เป็นพอ” ตนก็พร้อมให้กำลังใจหากทำได้
นายรยุศด์ กล่าวอีกว่า จริง ๆ แล้วตนไม่อยากให้สังคมกระจายความสนใจไปที่คุณสมบัติของคณะรัฐมนตรีมากเกินไป จนละเลยผู้นำหลักของรัฐบาล อย่างพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ยังมีข้อกังขาและสงสัยจากสังคมเรื่อง คุณสมบัติ และความชอบธรรม เช่นเดียวกับ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่สังคมก็ยังมีการตั้งคำถามและข้อเคลือบแคลงสงสัยในหลายกรณีเช่นกัน หรือแม้กระทั่งการที่ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี หรือ สลค. เวียนหนังสือมติคณะรัฐมนตรี (9 ก.ค.2562) แจ้ง งบประมาณ “คสช. 5 ปี” ไม่เปิดเผย ซึ่งเรื่องต่าง ๆเหล่านี้ ล้วนเป็นเรื่องสำคัญที่ส่งผลกระทบอย่างมากต่อความรู้สึกพี่น้องประชาชน ที่สะสมความกังขา ความไม่พอใจ กับการทำงานที่ตรวจสอบไม่ได้มาตลอด 5 ปี รวมถึง ข้อสงสัยต่อมาตรฐานการดำเนินคดีแบบเอื้อพวกพ้องของผู้มีอำนาจอีกด้วย ทั้งนี้ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง อยากฝากพี่น้อง จัดลำดับความสำคัญให้ดี อย่ามัวแต่คำนึงถึงเรื่องเล็ก ๆ จนทำให้ตกเรื่องใหญ่ที่สำคัญไป ถ้าประชาชนเราร่วมมือกัน ทำกระแสสังคมออนไลน์ ให้กลายเป็นกระแสสังคมที่แท้จริงได้ก็จะเป็นเรื่องดีต่อประเทศชาติ ท้ายสุดตนก็อยากฝากและย้ำเตือนถึงนายกรัฐมนตรี ขอให้อย่าลืมว่า ต้นทุนที่สำคัญที่สุดทางการเมืองคือ “ความชอบธรรม” แม้ไม่แน่ใจว่าท่านจะเข้าใจหรือไม่ แต่หากทำได้ ตนก็ขอส่งใจช่วย เพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไป