เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม ที่พรรคอนาคตใหม่ น.ส.วรรณวิภา ไม้สน และนายสุเทพ อู่อ้น ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ สัดส่วนปีกแรงงานของพรรค แถลงข่าวประเด็นภาวะเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อผู้ใช้แรงงาน จากเศรษฐกิจโลกกำลังจะเข้าสู่สภาวะถดถอยรุนแรง ปัญหาการเลิกจ้างงาน การไม่ปรับค่าแรงและปัญหาการจ้างงานที่ไม่เป็นธรรมที่ขยายตัวในปี 2562 พร้อมเรียกร้องรัฐบาลออกมาตราการให้ความช่วยเหลือทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เนื่องจากมีสัญญาณการถดถอยของเศรษฐกิจอย่างชัดเจน โดยนักวิเคราะห์ทั่วโลกปรับลดประมาณอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจเกือบทุกประเทศ ผู้ว่าการธนาคารกลางประเทศต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นธนาคารกลางสหรัฐฯ อียู หรือญี่ปุ่นต่างประสานเสียงว่าพร้อมใช้มาตราการทางการเงินต่างๆ เพื่อพยุงเศรษฐกิจ
น.ส.วรรณวิภา กล่าวว่า สืบเนื่องจากสถาณการณ์ทางเศรษฐกิจชะลอตัวอย่างรุนแรงในปี 2562 นี้ ไม่ว่าจะเป็นภาคส่งออก ท่องเที่ยวหรืองานด้านบริการ ส่งผลให้ไม่มีการปรับเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำ ขณะที่ผู้ใช้แรงงานทั่วประเทศกำลังประสบปัญหาความไม่มั่นคงในการทำงาน จากข้อมูลที่ผู้ประตนตามสิทธิ์ประกันสังคมขึ้นทะเบียนขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานจากสาเหตุการเลิกจ้าง เดือนมกราคม – กรกฏาคม ของปี 2552 ที่เกิดวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ ที่ประเทศสหรัฐฯ เปรียบเทียบกับ ปี 2562 ในช่วงเดือนเดียวกัน พบว่าปี 2562 มีผู้ถูกเลิกจ้างสูงกว่าปี 2552 ถึง 24% โดยในปี 2552 นั้นมีผู้ถูกเลิกจ้างจำนวน 152,751 คน ในขณะที่ปี 2562 มีผู้ถูกเลิกจ้างจำนวน 190,002 คน
“จากสำนักงานสถิติแห่งชาติพบว่า ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ของปี 2552 มีผู้ว่างงาน 436,000 ราย ส่วนในปี 2562 มีผู้ว่างงานถึง 490,000 ซึ่งมากกว่าในช่วงวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ถึง 54,000 ราย ในสถานการณ์เช่นนี้พบว่ามีการเลิกจ้าง อย่างต่อเนื่องในหลากหลายกรณี เป็นการเลิกจ้างโดยละเมิดกฎหมายแรงงาน เช่น เลิกจ้างโดยไม่แจ้งล่วงหน้า ไม่จ่ายค่าชดเชย หรือสิทธิประโยชน์อื่นๆที่ลูกจ้างควรได้รับ นอกจากนี้ยังมีการปรับเปลี่ยนสภาพการจ้างงานที่ขัดกับเงื่อนไขการจ้าง หรือ ลดทอนสวัสดิการของแรงงาน เป็นต้น นอกจากนี้นายจ้างบางรายฉวยโอกาสเลิกจ้างพนักงาน โดยอ้างเรื่องสถานการณ์เศรษฐกิจตกต่ำ เพื่อย้ายฐานการผลิตไปยังพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งได้รับการอุดหนุนการลงทุนและสิทธิพิเศษจากรัฐบาล ปล่อยให้ลูกจ้างถูกลอยแพโดยไม่ได้รับค่าชดเชยตามกฎหมาย” วรรณวิภา กล่าว
ด้าน นายสุเทพ กล่าวว่า ภาครัฐเป็นตัวอย่างของการไม่คุ้มครองสิทธิ์แรงงาน ไม่ปฎิบัติตามแนวทางการจ้างงานที่มีคุณภาพ เห็นได้ว่าการส่งเสริมการจ้างงานแบบเหมาช่วง เหมาค่าแรง ซึ่งจ่ายค่าแรงที่ต่ำกว่าค่าจ้างขั้นต่ำ เป็นการจ้างงานที่ต่ำกว่าพื้นฐาน มีการเลิกจ้างจากภาครับอย่างไม่เป็นธรรม โดยอ้างถึงงบประมาณ นอกจากนี้การเลิกจ้างยังส่งผลถึงแรงงานนอกระบบ กลุ่มอาชีพอิสระ ซึ่งมีอำนาจในการต่อรองที่น้อยอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคอนาคตใหม่ ซึ่งปัจจุบันมีนายสุเทพ อู่อ้น เป็นประธานกรรมาธิการแรงงาน และนางสาววรรณวิภา ไม้สน เป็นรองประธานกรรมาธิการสวัสดิการฯ ได้ผลักดันเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่การเลือกตั้งวันที่ 24 มีนาคม ที่ผ่านมา โดยแนวทางที่จะผลักดันต่อไป มีแนวทางระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวดังนี้
ระยะสั้น ภายใน 30 วัน
1.ประธานกรรมาธิการแรงงาน จะประสานเข้ากรรมธิการโดยด่วนเพื่อให้ดำเนินการต่อนายจ้างที่ละเมิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการเลิกจ้างโดยไม่แจ้งล่วงหน้า ไม่จ่ายค่าชดเชย ปรับเปลี่ยนลดวันหยุด ปรับเปลี่ยนสภาพงานที่ขัดกับเงื่อไขการจ้าง ในยุคสมัยที่พรรคอนาคตใหม่เป็นประธานกรรมาธิการแรงงานนี้ นายจ้างที่จงใจละเมิดกฎหมายแรงงานจะต้องโทษ จำคุกและปรับสูงสุดอย่างเดียวเท่านั้น และจะทำการขึ้นบัญชีดำนายจ้าง
2.เรียกหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ถึงแนวทางการปฏิบัติงานของหน่วยงานภาครัฐที่มีลูกจ้างไม่ใช่ข้าราชการกมากกว่า 9 แสนคน ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ไม่ต่ำกว่ากฎหมายแรงงานแห่งราชอาณาจักรไทย เจ้าหน้าที่รัฐระดับผู้บริหารที่ปฏิบัติต่ำกว่ากฎหมายแรงงาน จะต้องถูกเรียกมาชี้แจงและคณะกรรมาธิการจะทำหนังสือถึงผู้บังคับบัญชาระดับสูงให้เป็นแนวปฏิบัติต่อไป
ระยะกลาง
1.ผลักดัน พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานฉบับใหม่ที่เพิ่มสวัสดิการ แรงงานและการต่อรองรวมตัว ซึ่งพรรคอนาคตใหม่ได้นำเสนอญัตติเรียบร้อยแล้ว
2.ผลักดันให้รัฐบาลไทย รับอนุสัญญา ILO 87-98 ทั้งฉบับ ยกร่าง พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ฉบับใหม่
ระยะยาว
ผลักดันการปฏิรูปภาษี ทำลายกลุ่มทุนผูกขาด สร้างรัฐสวัสดิการถ้วนหน้าครบวงจร จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน เพื่อเพิ่มอำนาจให้ประชาชนอย่างแท้จริง