นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ไปกล่าวปาฐกถาที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ว่า จะทำให้ไทยเป็นประเทศร่ำรวยภายในปี 2579 ว่าด้วยศักยภาพของประเทศและประชาชนไทย สามารถพัฒนาไปสู่ความเป็นประเทศร่ำรวยได้ แต่หากจะให้เชื่อว่าผู้นำที่นำพาประเทศไปสู่จุดนั้นคือพล.อ.ประยุทธ์ ประชาชนมีคำตอบอยู่แล้วว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้ 5 ปีที่ผ่านมาเห็นชัดว่าไม่สามารถทำได้จริง มีแต่ทำให้ประเทศย่ำแย่ลงแทบทุกด้าน โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจที่ทรุดหนัก จำนวนคนจนจาก 8 ล้านคน พุ่งขึ้นมาเป็น 14.5 ล้านคน และคนที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนคนจนต่างรอว่าเมื่อไหร่รัฐบาลจะเปิดให้ขึ้นทะเบียนอีก สำรวจอีกครั้งจำนวนคนจนอาจจะพุ่งขึ้นแตะเกือบ 20 ล้านคน มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน จึงเป็นเพียงสโลแกน ที่เอาไว้โฆษณาชวนเชื่อโดยปราศจากข้อเท็จจริงเท่านั้นหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องปรับทัศนคติตัวเองและไม่ดูถูกประชาชนในประเทศของตนเองว่า ไม่มีความรู้ความสามารถ หลังเลือกตั้งทีมงานประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์ของพล.อ.ประยุทธ์พยายามสร้างภาพลักษณ์ที่ย้อนแย้งและสวนทางกับความเป็นจริงให้ทำอยู่เรื่อย ซึ่งสังคมปัจจุบันเป็นสังคมแห่งการมีส่วนร่วมและการตรวจสอบ อะไรที่ไม่จริงจะถูกตีแผ่และขยายวงกว้างออกไป
“ประชาชนไม่ได้ต้องการผู้นำที่วิเศษวิโสอะไรมากมาย แต่คุณลักษณะพื้นฐานที่ผู้นำประเทศที่ดีควรมีคือความเคารพและเชื่อมั่นต่อประชาชน สร้างกระบวนการมีส่วนร่วมกับประชาชน ให้มีความเป็นเจ้าของประเทศร่วมกัน ไม่ใช่เป็นเพียงคนรอรับประโยชน์จากรัฐบาล ไม่เช่นนั้นคนที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง จะคือตัวพล.อ.ประยุทธ์ เอง” นายอนุสรณ์ กล่าว
นอกจากนี้ โฆษกพรรคเพื่อไทย ยังกล่าวถึงกรณี นายบุญยอด สุขถิ่นไทย อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์เรียกร้องให้พรรคเพื่อไทย ขับนายนวัธ เตาะเจริญสุข ออกจากการเป็นสมาชิกพรรค เพราะถูกคุมขังหลังศาลจังหวัดขอนแก่นพิพากษาประหารชีวิต ว่า การแสดงความเห็นใดๆทางการเมืองที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับกิจการภายในของพรรคการเมืองอื่น ถือเป็นมารยาทพื้นฐานที่ต้องมี หากไม่มีมารยาท ก็ต้องสร้างขึ้นมาจากจิตสำนึกและทัศนคติที่เป็นมาตรฐาน การจะมีเลือกตั้งช่อมหรือไม่ มีขึ้นเมื่อไหร่ ในพื้นที่ดังกล่าว พรรคประชาธิปัตย์ไม่น่าจะเป็นพรรคการเมืองที่ได้ประโยชน์โดยตรงแต่อย่างใด ธุระไม่ใช่ ผีเจาะปากมาพูดในสิ่งที่ไม่ใช่ภาระหน้าที่ของตน นักการเมืองที่มีคุณธรรมจริยธรรมจะไม่ประพฤติปฏิบัติตนเช่นนี้ พรรคเพื่อไทยจะดำเนินการอย่างไรต่อกรณีนี้ ก็ควรเป็นสิทธิที่พรรคเพื่อไทยจะดำเนินการด้วยความรอบคอบระมัดระวังบนพื้นฐานของข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ขนาดนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฏร จากพรรคประชาธิปัตย์ ยังได้ให้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฏร ลงนามส่งความเห็นกรณีของนายนวัธ ไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)เมื่อวันที่ 26 ก.ย.ที่ผ่านมา เพราะเห็นว่าสภาไม่มีอำนาจชี้ขาดวินิจฉัยสมาชิกภาพของนายนวัธ จึงได้เสนอแนะไปว่ากกต.สามารถทำเรื่องส่งศาลรัฐธรรมนูญได้ และให้ความเห็นตั้งแต่แรกว่าถ้าไม่แน่ใจก็ให้องค์กรที่เขามีอำนาจตัดสิน นายบุญยอดเป็นใคร ยังเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์อยู่หรือไม่ ทำไมไม่เดินตามหลังผู้ใหญ่ ที่ให้ความเห็นเป็นแนวทางไว้แล้ว
“มองมุมไหนนายบุญยอด ก็มีแต่ติดลบ หากผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์ มีมาตรฐาน มีความเป็นมืออาชีพควรเรียกนายบุญยอดมาอบรม และไม่ควรปล่อยออกมาเพ่นพ่านแสดงความคิดเห็นเลอะเทอะ ในกิจการภายในของพรรคการเมืองอื่น” นายอนุสรณ์กล่าว
