เมื่อวันที่ 25 กันยายน นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงกรณีที่ครม.อนุมัติแผนการบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 2563 ซึ่งมีแผนการก่อหนี้ใหม่ วงเงิน 8.9 แสนล้านบาทนั้น ถือเป็นเรื่องที่ต้องตั้งคำถามว่าครม.มีอำนาจหรือไม่ และเป็นการสมควรหรือไม่ที่ครม.อนุมัติแผนก่อหนี้สำหรับปีงบประมาณหน้า โดยที่สภายังไม่เห็นแม้แต่ตัวร่างพรบ.งบประมาณปี 2563
ที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรีจะมีมติอนุมัติแผนการบริหารหนี้สาธารณะ หลังจากร่างพรบ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีได้ผ่านการพิจารณาโดยสภาฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อให้ทราบว่าสุดท้ายแล้วสภาจะอนุมัติวงเงินงบประมาณ รายละเอียดงบประมาณ และภาระหนี้ที่จะเกิดขึ้นเป็นเม็ดเงินเท่าไหร่ ซึ่งโดยปกติก็เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด โดยสภาฯจะผ่านร่างพรบ.งบประมาณสำหรับปีงบประมาณหน้าในเดือนสิงหาคม ส่วน ครม.ก็มักจะอนุมัติแผนก่อหนี้ในเดือนกันยายน ก่อนพรบ.งบฯจะมีผลบังคับใช้ในเดือน ตุลาคม
แต่ในครั้งนี้มีความผิดปกติ คือความล่าช้าของกระบวนการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีของทางรัฐบาล ที่ทำให้ร่างพรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 จะเข้าสู่สภาอย่างเร็วที่สุดคือ 17 ตุลาคม และผ่านวาระที่ 3 ประมาณ ต้นเดือนมกราคม 2563 แต่ ครม. กลับมีมติเห็นชอบแผนการบริหารหนี้สาธารณะไปเป็นที่เรียบร้อย (วันที่ 24 กันยายน 2562) ก่อนที่สภาผู้แทนราษฎรจะได้เห็นร่าง ก่อนจะมีการพิจารณาร่างงบประมาณฯ วาระที่ 1 เสียอีก อีกทั้งแผนการก่อหนี้ใหม่นั้น ตัวเลขก็เพิ่มสูงขึ้นจากปีก่อนหน้าประมาณ 8% โดยการก่อหนี้ใหม่ที่สัดส่วนเพิ่มขึ้นมากที่สุด คือ หนี้ใหม่ของรัฐวิสาหกิจที่เพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัว จากปี 2562 จำนวน 6 หมื่นล้านบาท เป็น 1.4 แสนล้านบาทในปี 2563