‘โรม’ จี้ ‘ประยุทธ์’ อยากเป็นนายกฯต่อ ต้องทำหน้าที่บ้าง อย่าปล่อยวงการตำรวจเละเทะ บี้ชี้แจง ทำไมย้ายนายตำรวจจับกุม ‘ทุนมินหลัต’ ชี้ คำสั่งแรกไม่มีชื่อ มาเพิ่มภายหลัง พร้อมถาม ผบ.สส. เยือนเมียนมาพบ ‘มินอ่องหล่าย’ คุยเรื่องอะไร
วันที่ 26 มกราคม 2566 รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงข่าวกรณีการโยกย้าย
ว่าที่ พ.ต.อ.กฤศณัฏฐ์ ธนศุภณัฏฐ์ ผู้กำกับการ 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ผู้จับกุม ‘ทุนมินหลัต’ นักธุรกิจคนสนิทของ ‘มินอ่องหล่าย’ ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา โดยปัจจุบัน ทุนมินหลัตพร้อมพวก ถูกจับกุมและถูกฟ้องคดีต่อศาลอาญาแล้ว และยังอยู่ในระหว่างตามจับกุมผู้ต้องหาที่หลบหนีอีก 2 ราย รวมถึงขยายผลหาตัวผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป
รังสิมันต์กล่าวว่า เมื่อ 13 มกราคม 2566 ที่ผ่านมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) มีคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจ มีผลตั้งแต่ 1 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป หนึ่งในนั้นมีรายชื่อว่าที่ พ.ต.อ.กฤศณัฏฐ์ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบหลักในการสืบสวนสอบสวนและจับกุมเครือข่ายของทุนมินหลัตจนนำมาฟ้องคดีได้ เมื่อเดือนตุลาคม 2565 เคยได้รับรางวัลปฏิบัติหน้าที่ดีเด่นจากการจับกุมยาเสพติด ทำผลงานได้ดีแต่กลับถูกเด้งจากนครบาลไปเป็นผู้กำกับการอยู่ที่ สภ.บ้านเดื่อ จ.ชัยภูมิ
“ที่สำคัญ คำสั่งดังกล่าวไม่ใช่เวอร์ชั่นแรก ก่อนหน้านี้ไม่มีชื่อของว่าที่ พ.ต.อ.กฤศณัฏฐ์ แสดงให้เห็นว่ามีการเพิ่มชื่อภายหลังโดยมีจุดประสงค์ให้ตำรวจนายดังกล่าวถูกเด้งจากตำแหน่งเดิม ทั้งที่ในบันทึกสั่งการของ ผบ.ตร. เรื่องการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ วาระประจำปี 2565 ยังวางแนวทางไว้เองว่า การแต่งตั้งโยกย้ายนายตำรวจในส่วนที่ต้องรับผิดชอบงานป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม ให้คำนึงถึงงานด้านยาเสพติดเป็นสำคัญ คำสั่งย้ายนี้จึงดูขัดแย้งกับสิ่งที่ ผบ.ตร. สั่งการ” รังสิมันต์กล่าว
รังสิมันต์กล่าวว่า นอกจากนี้เมื่อ 19 มกราคมที่ผ่านมา มีรายงานข่าวว่า พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เดินทางไปประเทศเมียนมาเพื่อเข้าพบ พล.อ. อาวุโส มิน อ่อง หล่าย หัวหน้าคณะรัฐประหารเมียนมาที่ครองอำนาจในปัจจุบัน มีข้อสงสัยว่าอาจคุยกันเรื่องที่จะให้ช่วยเหลือเกี่ยวกับคดีทุนมินหลัตด้วย เหตุที่สงสัยเช่นนั้น เพราะทุนมินหลัตมีความใกล้ชิด มินอ่องหล่าย มาก เป็นหนึ่งในมือไม้ที่ช่วยจัดการด้านทรัพย์สินและการเงินให้กับมินอ่องหล่ายและครอบครัว โดยช่วงที่ผ่านมามีรายงานข่าวว่าที่ตำรวจไทยได้ตรวจค้นทรัพย์สินที่อยู่ในครอบครองของทุนมินหลัต พบว่ามีโฉนดที่ดินกับสัญญาซื้อขายคอนโดมิเนียมในชื่อลูกชายของมินอ่องหล่าย และสมุดบัญชีในชื่อลูกสาวของมินอ่องหล่ายรวมอยู่ด้วย แต่ไม่มีการดำเนินคดีใดๆ กับทั้ง 2 คนนี้
รังสิมันต์กล่าวว่า จึงต้องถามไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาลชุดนี้ ว่าการที่มีคำสั่งย้ายว่าที่ พ.ต.อ.กฤศณัฏฐ์ ออกจากงานคดีที่รับผิดชอบไปอยู่ที่ห่างไกล ทั้งที่ทำผลงานได้ดีและไม่ปรากฏข้อครหาใดๆ เป็นไปด้วยเหตุผลอะไร ทำไมถึงมีการเพิ่มชื่อเข้ามาในภายหลัง ทำไมถึงไม่ให้เขาอยู่ในตำแหน่งเดิมต่อเพื่อช่วยขยายผลการสอบสวนคดี ส่วนที่ พล.อ.เฉลิมพล เดินทางไปพบมินอ่องหล่าย ได้มีการพูดคุยกันเรื่องอะไรบ้าง มีเรื่องเกี่ยวกับทุนมินหลัตด้วยหรือไม่ และที่ไปตรวจเจอทรัพย์สินในครอบครองของทุนมินหลัต ซึ่งเข้าใจว่าเป็นงานของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ที่ต้องจัดการยึดทรัพย์ สรุปว่าได้มีการยึดที่ดิน ยึดคอนโด อายัดบัญชีของลูกๆ มินอ่องหล่ายด้วยหรือไม่ หรือว่าเห็นโฉนด เห็นสัญญา เห็นสมุดบัญชีแล้ว ไม่รู้สึกติดใจใดๆ เลย
“บ้านเมืองเราอยู่ในช่วงเวลาที่มีเรื่องงามไส้รายวัน เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ทำหน้าที่ของตัวเอง ผลผลิตขององค์กรตำรวจเป็นส่วนหนึ่งของการทำงานของนายกฯ ตลอด 8 ปี เพราะนายกฯ เป็นผู้กำกับดูแล ในเมื่อท่านยังมีความฝันจะเป็นนายกฯ ต่อ แต่ในช่วงที่วงการตำรวจเละเทะ ท่านกลับไม่ทำอะไรเลย สุดท้ายจะไม่ได้ทำร้ายแค่วงการตำรวจ แต่ทำลายไปถึงภาพลักษณ์ประเทศ การท่องเที่ยว เศรษฐกิจต่างๆ จึงขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ สำเหนียกตัวเอง ในเมื่อไล่แล้วก็ไม่ออกไป ช่วยทำงานบ้าง ไม่ใช่กลายเป็นอาชีพเสริมอย่างที่เป็นอยู่” รังสิมันต์กล่าว