นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดพะเยาพรรคเพื่อไทย อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องเกษตรกรในภาคเหนือ โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือตอนบนเกิดภาวะฝนทิ้งช่วงติดต่อกันมาเป็นเวลานานหลายเดือนแล้วสร้างความเสียหายให้แก่พืชผลการเกษตรหลายชนิดเป็นจำนวนมาก ตนเคยเรียกร้องขอให้ทำฝนเทียมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรแต่ก็ได้รับคำตอบมาว่าไม่สามารถทำฝนเทียมได้เนื่องจากมีปริมาณเมฆน้อย แต่วันนี้ปริมาณเมฆน่าจะมีมากเพียงพอที่จะทำฝนเทียมได้แล้ว แต่ปรากฎว่าเครื่องบินที่ใช้สำหรับทำฝนเทียมกลับมีเพียง 1 ลำเท่านั้น แต่ต้องบินทำฝนเทียมทั่วภาคเหนือซึ่งไม่สามารถทำให้ฝนตกอย่างทั่วถึงทุกจังหวัดทั่วภาคเหนือได้ ในขณะที่พืชผลของเกษตรกรก็แห้งตายเพราะขาดน้ำอย่างกว้างขวาง ที่น่าเป็นห่วงมากก็คือนาข้าวซึ่งเป็นอาชีพหลักของเกษตรกรภาคเหนือ หากปีนี้ขาดแคลนน้ำอย่างรุนแรงก็จะทำให้ชาวนาได้รับความร้อนเพราะจะขาดรายได้ในการยังชีพแน่นอน เกษตรกรไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครแล้ว จึงหันไปใช้วิธีโบราณคือการแห่นางแมว จัดแห่กันหลายครั้งแต่ก็ไม่ทำให้ฝนเลย
“อยากให้รัฐบาลเอาใจใส่ในการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรในภาคเหนือที่ขาดแคลนน้ำเพื่อทำการเกษตรโดยเร็ว โดยขอให้เพิ่มเครื่องบินทำฝนเทียมอีกหลายลำหน่อยจะได้เร่งปฏิบัติการได้อย่างจริงจัง ตนไม่เข้าใจว่าทำไมรัฐบาลให้ความสำคัญเครื่องบินทำฝนเทียมช่วยเหลือพื้นที่ทำการเกษตรน้อยกว่า เครื่องบินที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติซื้อมาประจำการสำหรับรองรับให้รองนายกรัฐมนตรีใช้เป็นการส่วนตัว ซึ่งมีความโอ่อ่าหรูหราและราคาแพงมาก โดยใช้เงินภาษีของประชาชนไปซื้อ แตกต่างจากเครื่องบินที่ใช้สำหรับทำฝนเทียมที่มีขนาดเล็ก เป็นรุ่นชนิด BT-67 ที่มีน้ำหนักบรรทุกแค่ 2,000 กิโลกรัมต่อเที่ยวบิน ซึ่งต้องบินปฏิบัติการหลายเที่ยวในแต่ละครั้งและจะต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะ ปฎิบัติการทำฝนเทียมให้ทั่วพื้นที่ภาคเหนือ ” นายวิสุทธิ์ กล่าว
