นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการประชุมสภาฯที่ผ่านมากรณีที่ พรรครัฐบาลไม่ยอมลงมติให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการเพื่อศึกษาผลกระทบต่อการลงทุน ทางการท่องเที่ยวและสิ่งแวดล้อม ในโครงการ พัฒนาอุตสาหกรรมภาคตะวันออก ของจังหวัดชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา หรือEEC ทั้งๆที่ สมาชิกซีกรัฐบาลอภิปรายท้วงติงหลากหลายประเด็นที่เป็นข้อเสียจำนวนมากแต่กลับมัดมือชก ไม่ให้ตั้งเพื่อศึกษา ซึ่งตนไม่รู้ว่ากลัวอะไรกันนักหนาหรือมีผลประโยชน์ทับซ้อนของใครบางคนในรัฐบาลหรือไม่
ตนขอเรียนพี่น้องประชาชนที่อยู่ในกรุงเทพมหานคร จังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดชลบุรีและจังหวัดระยอง เพราะเดินทางแค่ 40กม.จากกรุงเทพก็ถึงเขตอุตสาหกรรมแล้วรัฐบาลไม่ควรสนใจว่าโครงการนี้เป็นเรื่อง ที่สนใจแต่การลงทุนของชาวต่างชาติในประเทศไทยเพียงอย่างเดียวเพราะจะเหมือนกับการเปิดร้านอาหารที่อยู่ติดกับร้านรับซื้อของเก่านอกจากจะยังไม่รู้ว่าจะมีลูกค้าหรือไม่ แต่ก็ได้รับกลิ่นเหม็นอยู่ตลอดเวลาแล้ว และลองนึกภาพฝรั่งนอนอาบแดดและมองเห็นวิวเป็นปล่องไฟของโรงงาน ซึ่งตนไม่เห็นด้วยกับโครงการนี้เพราะขณะนี้ ทั้งระยองและชลบุรี ก็มีนิคมอุตสาหกรรมอยู่มากเกินไปแล้ว
“การไม่ตั้งกมธ.เพื่อศึกษาผลกระทบEECในครั้งนี้ถือเป็นการปิดโอกาสและมัดมือชกทำให้คนใน3จังหวัดนี้ได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน ว่าตกลงแล้วจะท่องเที่ยวหรือจะทำอุตสาหกรรม เพราะสองอย่างนี้อยู่ร่วมกันไม่ได้และก็มีตัวอย่างให้เห็นทั่วโลกแล้วว่าไม่ประสบความสำเร็จ”
นายจิรายุกล่าวต่อไปว่า หากจะเน้นการลงทุนในเมกกะโปรเจคเพื่อเศรษฐกิจของประเทศก็ควรริเริ่มโครงการใหม่ๆในพื้นที่ที่ไม่มีอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวซึ่งถือเป็นรายได้หลักของประเทศอยู่ในสามจังหวัดภาคตะวันออกนี้ ทั้งนี้เพราะหากรัฐบาลยังฝืนทำ EEC นี้ก็จะส่งผลกระทบรุนแรงต่อการท่องเที่ยวที่สำคัญอาทิพัทยา บางแสนจอมเทียนสัตหีบ บางเสร่รวมทั้งเกาะเสม็ด เกาะล้านเกาะช้าง เพราะธรรมชาติที่เป็นจุดขายการท่องเที่ยวไม่สามารถสร้างได้เหมือนกับนิคมอุตสาหกรรม
ขอเตือนไปยังรัฐบาลถ้าหากยังดื้อดึง โดยไม่ศึกษาผลกระทบให้รอบคอบก็ขอให้ท่านนึกภาพดูว่าถ้าเกิดตนเชิญชวนพลเอกประยุทธ์ไปท่องเที่ยวชายหาดอันเป็นที่ตั้งของเขตนิคมอุตสาหกรรมท่านยังสนใจไปนอนพักตากอากาศดมกลิ่นควันพิษจากอุตสาหกรรมหรือไม่
ดังนั้นตนขอเตือนไปยังรัฐบาลผลของการกระทำในโครงการนี้จะติดตัวรัฐบาลชุดนี้ไปตลอดนายจิรายุกล่าว
