วันที่ 23 กันยายน 2564 นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อชาติ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เปิดเผยว่า หลายปีที่ผ่านมา พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกมายอมรับ ว่ารัฐบาล เตรียมขยายเพดานหนี้สาธารณะขึ้นจาก 60% เป็น 70% เพราะจะทำให้รัฐบาลมีความสามารถในการก่อหนี้เพิ่มได้อีก 1.2 ล้านล้านบาท พร้อมยอมรับว่ารัฐบาลมีความจำเป็นที่จะต้องออกพระราชกำหนดเงินกู้รอบใหม่ โดยอ้างว่ากู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ และช่วยเหลือประชาชน แล้วเงินกู้จำนวน 1.5 ล้านล้านที่ผ่านมารัฐใช้ไปในโครงการอะไรบ้าง เกิดประโยชน์กับประชาชนหรือไม่
นายสงคราม กล่าวด้วยว่า หลายปีที่ผ่านมา พลเอกประยุทธ์ หมดสภาพแล้ว เพราะบริหารราชการแผ่นดินผิดพลาดมาตลอด ใช้อำนาจตามอำเภอใจ และไม่รับรู้ถึงความเดือดร้อนของประชาชน ทั้งๆที่พลเอกประยุทธ์เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล แต่ไร้ประสิทธิภาพ ส่งผลระบบเศรษฐกิจพังทั้งระบบ ผู้ประกอบการ หลายรายไม่สามารถทนรับกับแรงกดดันทางเศรษฐกิจ ต้องปิดกิจการ หลายคนตกงาน เมื่อระบบเศรษบกิจมีปัญหา ส่งผลให้รัฐบาล และเก็บภาษีพลาดเป้าต่อเนื่อง 3 ปีติดต่อกัน
“นอกจากนี้ ข้อครหาการใช้เงินกู้ไม่โปร่งใส มีการเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มการเมือง และการหาประโยชน์งบประมาณในการแก้สถานการณ์คิด จนถึงปัจจุบัน ประชาชนเชื่อว่าการใช้เงินกู้ของรัฐบาลไม่โปร่งใส ในขณะที่รัฐบาลชี้แจงไม่ได้ส่งผลให้ประชาชนหมดศรัทธาในตัวพลเอกประยุทธ์นานแล้ว รัฐบาลใช้เผด็จการรัฐฐสภา พวกมากลากไป เพื่อตีเช็คเปล่าให้กับรัฐบาลนำเงินกู้ไปใช้ในโครงการที่ไม่เกิดประโยชน์แต่อย่างใด”นายสงคราม กล่าว