นางสาวเกศปรียา แก้วแสนเมือง โฆษกพรรคเพื่อชาติ ระบุว่า วันนี้ (เสาร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2562) นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน พร้อมด้วย ผู้แทนพรรคฝ่ายค้านทั้ง 7 พรรคได้เดินทางไปพบปะกรรมการและสมาชิกสหกรณ์การเกษตรสันป่าตอง จำกัด ซึ่งมีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานและมีคณะกรรมการบริหารนับตั้งแต่ก่อตั้งถึงปัจจุบัน รวม 46 ชุด มีสมาชิกมากกว่า 6,000 คน โดยมีนาย ชัยวิเศษ ดีสุวรรณ ประธานสหกรณ์การเกษตรสันป่าตอง จำกัด ให้การต้อนรับ
นาย สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ระบุว่ากิจกรรมในวันนี้เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมพรรคร่วมฝ่ายค้านเพื่อประชาชนซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อเยี่ยมเยียนและเรียนรู้ ตลอดจน รับทราบปัญหาและข้อจำกัดของเกษตรกร พร้อมกันนี้ นาย สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ได้ชื่นชมในความสำเร็จสหกรณ์การเกษตรสันป่าตอง จำกัด ที่ยังคงเป็นกลไกและยึดโยงเกษตรกรไว้กับระบบเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้ง ขอให้กรรมการและสมาชิกได้ช่วยกันรวบรวมและสะท้อนปัญหาเพื่อส่งให้กับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคฝ่ายค้านและจะได้ร่วมกันหาวิธีการและแนวทางในการแก้ปัญหาที่ยั่งยืนผ่านระบบของรัฐสภา แต่ต้องไม่ใช้เงินเป็นตัวตั้ง หรือ นำเงินมาแจกเป็นครั้งเป็นคราว และในโอกาสเดียวกันนี้ผู้แทนของสหกรณ์ได้ขอให้พรรคฝ่ายค้านจัดหา หรือ พัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเพาะปลูกในฤดูแล้ง รวมถึง แก้ปัญหาผลผลิตทางการเกษตรที่มีราคาตกต่ำ เช่น ข้าวเปลือกข้าวเหนียวขายอยู่ที่ตันละ 14,000.- บาท แต่ข้าวสารเหนียวมีราคาแพง หรือ ตันละ 40,000 บาท
โดยประมาณ หรือ เกษตรกรต้องใช้ข้าวเปลือกถึง 3.5 ตันเพื่อนำไปสีและให้ได้ข้าวสารเหนียว 1 ตันและการที่ข้าวสารเหนียวมีราคาแพงทำให้ต้นทุนการบริโภคในครัวเรือนสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว
ต่อมานาย สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ได้เดินทางไปเยี่ยมศูนย์หัตถกรรมไม้แกะสลักบ้านถวายและพบว่ามีสภาพซบเซา อีกทั้ง ร้อยละ 20 ได้ปิดกิจการไปแล้ว เนื่องจาก ไม่สามารถระบาย หรือ ขายสินค้าได้เหมือนก่อนมีการปฏิวัติรัฐประหารและพ่อค้าแม่ค้ายังหวั่นเกรงว่าหากปล่อยให้สถานการณ์เป็นอย่างเช่นปัจจุบันอย่างต่อเนื่องพ่อค้าแม่ค้าจำเป็นที่จะต้องปิดกิจการและไม่ทราบว่าจะทำอาชีพอะไรต่อไป เพราะบรรดาพ่อค้าแม่ค้าซึ่งเดิมเป็นเกษตรกรได้เปลี่ยนอาชีพเป็นนักธุรกิจแบบเต็มตัว รวมถึง ยังหวั่นเกรงว่าศิลปะและงานหัตถกรรม หรือ งานทำมืออาจสูญพันธุ์ นอกจากนี้ ยังขอให้ฝ่ายค้านกระตุ้นให้รัฐบาลพิจารณาและหามาตรการส่งเสริม หรือ สนับสนุนการท่องเที่ยวและมาตรการอย่างง่ายที่รัฐบาลสมควรและต้องทำคือการลดค่าเงินบาทเพื่อกระตุ้นและเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางมาเที่ยวในประเทศไทยให้มากเหมือนแต่ก่อน
จะเห็นได้ว่าจากการลงพื้นที่พบปะประชาชนในฐานะพรรคร่วมฝ่ายค้านเพื่อประชาชน ปัญหาหลักที่ถือเป็นปัญหาสำคัญอย่างมากในทุกพื้นที่คือปัญหาปากท้อง ซึ่งถือเป็นสะท้อนได้อย่างตรงประเด็นเลยว่ารัฐบาลทหารที่ยึดอำนาจไปบริหารใน 5 ปีที่ผ่านมาไม่เคยสนใจที่จะมองถึงความสำคัญของเศรษฐกิจฐานรากซึ่งต้องถือว่าเป็นหนึ่งในตัวจักรสำคัญที่จะเป็นตีวหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งประเทศ การรัฐบาลสืบทอดอำนาจชุดปัจจุบันยังคงละเลยการแก้ปัญหาที่จุดนี้ ทุกคนคงสามารถทำนายอนาคตของคนทั้งชาติได้เลยว่าคงดิ่งเหวและพังครืนในที่สุด