“ประชา” แนะแก้โควิดสมุทรปราการ ผู้บริหารต้องลงพื้นที่บัญชาการ ต้องจัดหางบประมาณให้เพียงพอและทันท่วงที อย่าให้เป็นภาระชาวบ้านต้องบริจาคเงินกันเอง

0
636

นายประชา ประสพดี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และอดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่าสถานการณ์การระบาดโควิด-19 ในจังหวัดสมุทรปราการซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ตามประกาศของ คำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. พบว่า ภาครัฐมุ่งแต่มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดในกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่ จนละเลยการมองเห็นภาพรวมในวันนี้ว่า วันนี้เชื้อโควิดระบาดลงไปในกลุ่มประชาชนที่รัฐยังมองไม่เห็น ในกลุ่มอุตสาหกรรมเขามีมาตรการดูแลตนเองตั้งแต่ระบบแอปพลิเคชั่น ไทยชนะ มีหน้ากากอนามัย เจลล้างมือทุกโรงงาน แต่กลุ่มประชาชนทั่วไป ตั้งแต่ในบ้านจัดสรร ตลาดสด คนขายสลากกินแบ่ง แรงงานต่างด้าวตลาดสะพานปลา ซึ่งคนกลุ่มนี้เข้าไม่ถึงระบบการคัดกรองการติดเชื้อตลอดจนเข้าไม่ถึงระบบการรักษาพยาบาล เมื่อรัฐมองไม่เห็นหรือไม่อยากมอง ก็ทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อในกลุ่มชาวบ้านเพิ่มสูงขึ้น ควบคุมไม่อยู่และซุกไว้ใต้พรม จนตอนนี้เมื่อลงเยี่ยมชาวบ้านจะได้ยินตัวเลขผู้ติดเชื้อผู้กักตัวในบ้านแทบทุกซอยชุมชน แต่พวกเขาไม่เคยถูกนับอยู่ในระบบสาธารณสุข ซึ่งนับเป็นความล้มเหลวตั้งแต่การมองภาพรวม เมื่อมองภาพรวมไม่ชัด ก็แก้ปัญหาไม่ถูกจุด โดยเรามองเห็นปัญหาตั้งแต่ผู้สั่งการจนถึงผู้ปฏิบัติงาน ดังนี้

ประการแรก ข้อสั่งการทางปกครองของผู้ว่าฯ ต้องมีความชัดเจนเพราะมีผลทั้งทางตรงและทางอ้อมกับผู้ใต้บังคับบัญชา แต่ที่ผ่านมาอาจเป็นเพราะกระบวนการขับเคลื่อนในทางปฏิบัติภาคสนาม โดยเฉพาะบุคลากร แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ หน่วยงานการสนับสนุนทางการปฏิบัติที่เหมือนว่ามีจำนวนไม่เพียงพอต่อขนาดของปัญหาในการขับเคลื่อนปริมาณงานความรับผิดชอบ ความเสียหายอาจเกิดขึ้น เมื่อฝ่ายปกครองสั่งการผ่านหน้ากระดาษลงไปถึงการสั่งการติดตามผ่านไลน์ สั่งเป็นทอดๆ ตั้งแต่ผู้ว่าฯ ลงไปถึง อสม. แต่ปัญหาหน้างานจริงไม่เคยรับรู้ รู้แต่ตัวเลขรายงานที่อ่านแล้วสบายใจ

ประการสอง งบประมาณฯ ไม่เคยมาพร้อมภาระ ทั้งที่รัฐมีเงินกู้ 1 ล้านล้าน มีอำนาจสั่งการใช้เงินฉุกเฉิน แต่หน้างานกลับขาดแคลนกระทั่งชุด PPE เจลแอลกอฮอล์ จนโรงพยาบาล รพสต. ต้องขอรับบริจาคกันเองจากประชาชนและภาคเอกชน ด้านหนึ่งคือน้ำใจที่ดี แต่อีกด้านคือความล้มเหลวโดยสิ้นเชิงของภาครัฐ

ตัวชี้วัดสำคัญที่สุดคือ “ตัวเลขผู้เสียชีวิต” ที่ไม่เคยลด มีแต่จะเพิ่ม ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ยกระดับจากสีเขียวขึ้นไปสีเหลือง และขึ้นไปสีแดงตามลำดับไม่เคยลด เมื่อตัวเลขไม่ลดก็แสดงว่าในกระบวนการแก้ไขการระบาดน่าจะมีปัญหา แต่กลับใช้วิธีการเดิม ทำซ้ำๆ เมื่อการบริหารจัดการล้มเหลว มาตรการสาธารณสุขก็ล้มเหลว จึงเกิดการระบาดจากกลุ่มโรงงานเข้าไปยังชุมชนจนทำให้ขณะนี้ไม่สามารถควบคุมการระบาดได้

“ขอเสนอให้ผู้ว่าฯ และเจ้าหน้าที่ระดับสูง ลงพื้นที่กินนอนบริหารสถานการณ์โควิดเป็นรายตำบล ไม่ใช่สั่งการบนไลน์หรือประชุมผ่านซูมแล้วก็จบ แต่ให้ลงไปหน้างาน ดูแลคนละตำบล ใช้อาคาร อบต.เป็นศูนย์บัญชาการ ใช้สถานีตำรวจเปิดสายด่วนให้ผู้ป่วยประสานงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งทีมตรวจเชื้อโควิดลงทุกชุมชน เมื่อพบผู้ติดเชื้อมีรถฉุกเฉินสามารถรับตัวผู้ป่วยได้ตลอดเวลา สร้างโรงพยาบาลสนามให้เพียงพอ ลดภาระของหมอให้ไปดูแลคนไข้ ไม่ใช่ต้องมาประชุมทั้งวัน ปรับหน้างานให้เป็นเชิงรุก ถ้ามี จนท.ระดับสูงลงมาบริหารแก้ไขสถานการณ์ระดับตำบล และมีงบประมาณติดมือมาแล้ว ก็จะช่วยให้การแก้ไขปัญหาได้รวดเร็วและเป็นรูปธรรม” นายประชา กล่าว