รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรคก้าวไกล แสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ประเด็นที่สั่นสะเทือนสังคมไทยที่สุดประเด็นหนึ่ง ณ เวลานี้ คือการกระทำของตำรวจต่อประชาชน ทั้งผู้ชุมนุมที่ถูกทำร้าย สลายการชุมนุม จนเกิดเป็นวิกฤติศรัทธาต่อวงการตำรวจอย่างหนัก และนี่ยังผ่านไปเพียงครึ่งปี ที่ได้ทำการอภิปรายกรณี #ตั๋วช้าง ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ รอบที่ผ่านมา เพื่อชี้ให้เห็นว่า ในวงการตำรวจมีการใช้เส้นสาย ระบบตั๋ว และเครือข่าย ผ่านตำรวจที่ใกล้ชิดกับวัง ใช้โรงเรียนจิตอาสาพระราชทาน อ้างความใกล้ชิดเบื้องสูง ทำการสร้างเครือข่ายที่ไม่มีใครกล้าตรวจสอบด้วยเครื่องแบบของ “คนดีผู้ใกล้ชิด”
.
“ผลที่ตามมาหลังอภิปรายไม่ไว้วางใจ คือ “ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย” ไม่มีการพยายามชี้แจงต่อสังคม แก้ปัญหาระบบตั๋ว หรือจัดการอะไรทั้งสิ้น ทำราวกับว่าสิ่งที่ประชาชนรู้กันไปทั่วแล้วนี้ไม่อยู่ในสารบบความคิดหรือสนใจของตำรวจที่ “เส้นใหญ่” จนไม่มีใครกล้า่ไปตรวจสอบอะไรต่อ”
.
รังสิมันต์ ระบุต่อไปว่า จนเมื่อวันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธร จังหวัดนครสวรรค์ ถูกกล่าวหาว่าได้กระทำการรีดไถและซ้อมผู้ต้องหาที่จับกุมได้จนเสียชีวิต หลักจากมีความพยายามไถเงิน 2 ล้านบาท ใช้ถุงคลุมศีรษะจนผู้ต้องหาขาดใจตาย แล้วไปพยายามปิดปากครอบครัวผู้เสียชีวิต สั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจใน สภ.ลบวีดีโอกล้องวงจรปิด แล้วมาอ้างต่อสาธารณะว่าผู้ต้องหาเสพยาเกินขนาด
.
“จนสุดท้าย ผมก็ได้เห็นคลิปวีดีโอสองชิ้นที่เห็นเหตุการณ์ชัดเจนว่า ผู้กำกับคนดี ผู้อยู่ในเครือข่ายจิตอาสาพระราชทาน ที่อ้างตัวว่าสนิทสนมกับ พลตำรวจโท ต. ผู้กว้างขวางแห่งวงการตำรวจที่ผมเอ่ยถึงในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่ผ่านมา มีพฤติกรรมโหดเหี้ยมผิดมนุษย์ ซ้อมฆ่าคนและอำพรางคดีหน้าตาเฉย ราวกับว่าชีวิตคนเป็นผักปลา
.
“นี่หรือครับคนดี? นี่หรือครับคนที่จบหลักสูตรประจำของจิตอาสาพระราชทาน? นี่หรือครับผลผลิตของระบบที่ผมเคยพูดถึงไป? การเป็นตำรวจสวมผ้าพันคอจิตอาสานี่มันยิ่งใหญ่กันขนาดนี้เลยหรือ? สุดท้ายแล้วคนพวกนี้นี่แหละครับที่เอาสถาบันพระมหากษัตริย์มาเป็นเครื่องมือใช้งานเพื่อประโยชน์ของตัวเอง โดยไม่เคยสนใจว่าประชาชนจะต้องเจออะไรบ้าง
.
“สุดท้ายแล้วเกิดอะไรขึ้นกับตำรวจจิตอาสาพระราชทานคนนี้ครับ? สุดท้ายก็แค่ถูกสั่งย้าย จากผลของการฆ่าคนตายและพยายามอำพรางคดี น่าเหลือเชื่อจริงๆนะครับ การเป็นตำรวจที่มีเส้นสายในระบบเครือข่ายอะไรแบบนี้ได้ จะทำอะไรก็คงสะดวกสบายไปหมดจริงๆ”
.
รังสิมันต์ ระบุอีกว่า วงการตำรวจเองก็ต้องพยายามพิสูจน์ตัวเองมากกว่านี้ รวมไปึงหัวเรือใหญ่ทั้งพลเอกประยุทธ์และพลเอกประวิตรที่นั่งหัวโต๊ะ ก.ตร. ที่จะจริงจังแค่ไหนกับการดำเนินการต่อกับกรณีที่เกิดขึ้น มิฉะนั้น การปล่อยให้ตำรวจที่อ้างตัวใกล้ชิดเบื้องสูงทำอะไรไปเรื่อยๆแบบนี้ สุดท้ายคงไม่พ้นจะพากันพังหมดทั้งโครงสร้างแน่ๆ