ประเทศคงกลียุค! “เพื่อชาติ” หวั่นประชาชนหมดศรัทธาต่อ 3 เสาหลักจากความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจ

0
1713

รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ ชี้ ความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจต่อฝ่ายบริหาร และนิติบัญญัติกำลังสร้างวิกฤตศรัทธาจากประชาชน เชื่อ ฝ่ายตุลาการจะเป็นความหวังและที่พึ่งสุดท้ายของประเทศ แต่ถ้าหากสังคมหมดศรัทธาต่อ 3 เสาหลักเมื่อไหร่ ประเทศคงกลียุค

ดร.รยุศด์ บุญทัน รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า ปัญหาของประเทศไทยตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา ที่ทำให้เกิดความขัดแย้ง และฝังรากลึกยาวนานยากจะแก้ไข ซึ่งปัจจัยหนึ่งที่สำคัญคือ ความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจต่อสถาบันหลักทางการเมืองของประเทศ จนนำไปสู่วิกฤตศรัทธาจากประชาชนและทำให้เกิดปัญหาและความขัดแย้งต่างๆ มากมายตามมา ซึ่งตนมองว่าปัจจุบันอาจจะมีแนวโน้มและกำลังจะเกิดขึ้นได้ เพราะด้วยกติกา กระบวนการจัดการเลือกตั้ง มาจนถึงการได้มาของฝ่ายบริหาร หรือ รัฐบาลชุดนี้ ก็มีข้อกังขาและถูกตั้งคำถามจากสังคมมากมาย รวมไปถึงการใช้อำนาจนิติบัญญัติ ภายใต้ระบบรัฐสภา อันเกิดจากกลไกของรัฐธรรมนูญ 2560 ที่ให้ สมาชิกวุฒิสภา หรือ ส.ว.จากการแต่งตั้งของ คสช. มีสิทธิร่วมโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้ ซึ่งไม่เคยปรากฎมาก่อน ก็ยิ่งทำให้สังคมรู้สึกถึงความไม่ยุติธรรม และไม่เป็นธรรม เพราะ ส.ว.ไม่ได้เป็นเสียงสะท้อนที่แท้จริงเช่น ส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ทั้งนี้ ยังไม่รวมถึงพฤติกรรม และบทบาทการทำหน้าที่ของ ส.ส. และ ส.ว. บางคน ที่ทำให้สังคมตั้งคำถามว่าจะฝากความหวังให้ทำหน้าที่เป็นปากเป็นเสียงแทนพี่น้องประชาชนในสภาฯได้หรือไม่ และคุ้มค่ากับเงินภาษีของประชาชนที่มาจ่ายให้กับคนเหล่านี้หรือไม่

ขณะเดียวกันรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ ที่เกิดจากการจัดตั้งของพรรคที่ชนะเลือกตั้งเป็นอันดับ 2 อันเป็นการล้มประเพณีและทำเนียมปฎิบัติทางการเมืองสากลที่ต้องให้พรรคอันดับ 1 เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลก่อน จึงทำให้ได้รัฐบาลที่ไม่มีเสถียรภาพและเต็มไปด้วยบรรยากาศการต่อรองตำแหน่ง รมต. และผลประโยชน์ทางการเมืองมากมาย เข้ามาบริหารประเทศ  ดังนั้น ตนมองว่าขณะนี้ประเทศอาจจะกำลังเผชิญกับปัญหาวิกฤตศรัทธาและความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจจากประชาชนที่มีต่อสองสถาบันหลักของประเทศ นั่นคือ ฝ่ายบริหาร และ ฝ่ายนิติบัญญัติ

ดร.รยุศด์ กล่าวต่อว่า เรายังเหลืออีกสถาบันที่ยังเป็นความหวัง เป็นความเชื่อมั่น และเป็นที่พึ่งสุดท้ายของสังคมไทย นั่นก็คือ สถาบันตุลาการ แต่ ณ ห้วงเวลานี้จากสถานการณ์หลายอย่างที่ผ่านมา ฝ่ายตุลาการก็ถูกสังคมตั้งคำถามว่า การวิพากษ์วิจารณ์กระบวนการยุติธรรมหรือองค์กรตุลาการนั้นจะสามารถทำได้หรือไม่ และถ้าทำได้จะทำได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งก็มีหลายคนถูกดำเนินคดีหมิ่นฯหรือละเมิดอำนาจศาลมาแล้วหลายกรณี และแม้ส่วนตัว ตนจะเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของสถาบันตุลาการว่าจะยังคงเป็นที่พึ่งและทางออกสุดท้ายในการแก้ไขปัญหาของประเทศได้ แต่ตนก็ยังรู้สึกกังวลใจ ไม่อยากจะคิดเลยว่า หากมีวันใดที่มีเหตุทำให้ประชาชนสิ้นศรัทธาต่อเสาหลักหรืออำนาจทั้ง 3 ฝ่ายพร้อมกัน นั่นคือ บริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการ แล้ว ประเทศเราคงอาจจะเกิดกลียุค และอาจจะทำให้ประเทศเกิดปัญหาที่ร้ายกาจยิ่งกว่าที่เราเคยพบเจอมาในอดีตหรือไม่ เพราะหากระบบการถ่วงดุลอำนาจของประเทศมีปัญหา เกิดวิกฤตศรัทธาและความเชื่อมั่นแล้ว ประชาชนก็ย่อมไม่อาจที่จะฝากความหวังไว้กับใครได้ ดังนั้น ตนจึงขอฝากผู้ใหญ่ในบ้านเมือง และผู้มีอำนาจ ขอให้ช่วยกันดูแล อย่าให้เกิดปัญหาดังกล่าวขึ้นเลย ที่สำคัญขอให้ใช้อำนาจที่มีอยู่ด้วยความรับผิดชอบและเป็นธรรมเพื่อประโยชน์สูงสุดทั้งต่อประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริง