นายธวเดช ภาจิตรภิรมย์ หัวหน้าพรรคแนวทางใหม่ กล่าวให้ความเห็นกรณีที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แถลงผลการหารือกับผู้แทนจากบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด ว่า ได้แจ้งความต้องการวัคซีนในส่วนปี 2565 เบื้องต้น 50 ล้านโดสไว้ต่อบริษัทแล้ว โดยระบุว่า นายอนุทิน อย่าเพิ่งรีบหน้าชื่นตาบานคุยโวฝันหวานถึงแผนในปีหน้า เพราะสิ่งที่ควรทำและนำไปหารือกับทางบริษัทแอสตร้าก็คือ การจัดส่งวัคซีนในปีนี้ให้ได้เดือนละ 10 ล้านโดสตามที่สัญญากับคนไทย ซึ่งตอนนี้วัคซีนควรจะเต็มแขนประชาชนได้แล้ว และแนวทางควรเป็นจะต้องไม่ใช่การสั่งวัคซีนชิโนแวคมาเพิ่มคราวละเป็นสิบๆล้านโดสเพื่อจะใช้สูตรฉีดไขว้ผสม เพราะจะทำให้ประชาชนจำนวนมากโดยเฉพาะผู้สูงอายุและกลุ่ม 7 โรคเสี่ยงพลาดการได้รับวัคซีนแอสตร้าซึ่งมีประสิทธิภาพควบคุมทั้งกันติดและกันตายตั้งแต่เข็มแรก ไม่ใช่ไปรอภูมิขึ้นที่เข็มสองเข็มสามเหมือนซื้อเวลาไปเรื่อยๆ เพราะท่านต้องไม่ลืมว่าขณะนี้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 200 คนต่อวันโดยเป็นยอดนิวไฮแทบจะวันเว้นวัน ในฐานะผู้รับผิดชอบจะทำงานเอื่อยเฉื่อยให้ประชาชนไปรอความหวังเอาปีหน้าไม่ได้ ขณะนี้ประชาชนอยู่ในสภาพนี้มา 2 ปีแล้ว คือไม่เสี่ยงตายเพราะโรคก็เสี่ยงตายเพราะไม่มีจะกิน ท่านล็อกดาวน์จนการทำมาหากินของเขาแทบไม่เหลือแล้ว
.
“ถ้ามีโอกาสคุยกับบริษัทแอสตร้า สิ่งที่ควรเจรจาในฐานะรัฐมนตรีด้านสาธารณสุข คือการชี้แจงให้เขาเข้าใจในความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องปกป้องชีวิตคนในประเทศ ซึ่งเวลานี้คงมีไม่กี่ประเทศที่สถานการณ์หนักและจำเป็นต้องใช้วัคซีนจำนวนมากมาคลี่คลายสถานการณ์ ด้วยเหตุผลด้านมนุษยธรรมเชื่อว่าเขาจะเข้าใจและไปชี้แจงกับประเทศคู่ค้าได้ ดังนั้นสิ่งที่จำเป็นที่สุดในเวลานี้คือความกล้าตัดสินใจที่จะใช้ พ.ร.บ.ฉุกเฉินด้านวัคซีนเพื่อคุมวัคซีนที่ผลิตได้ในประเทศให้กันไว้ให้พอก่อน เมื่อสถานการณ์คลี่คลายแล้วจึงค่อยเปิดการกระจายออกต่างประเทศไปตามปกติ ท่านเคยบอกให้เราภูมิใจในการเป็นศูนย์กลางการผลิต แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเราจะกลายเป็นศูนย์กลางการบริจาคไปแล้ว เมื่อท่านมีอำนาจอยู่ในมือก็ควรรีบใช้เพื่อรักษาชีวิตของพี่น้องประชาชนให้ได้มากที่สุดและเร็วที่สุด อย่าปล่อยให้เขารอและรู้สึกเหมือนโดนรัฐบาลกำลังทอดทิ้งในเวลานี้ ” หัวหน้าพรรคแนวทางใหม่ ระบุ