‘ณัฐชา’ ชม ‘แพทย์ชนบท’ บุกกรุง 3 เหมือนเห็นแสงสว่างสู้โควิด งง ‘รัฐบาล’ อยู่มาเป็นปี ทำไมไม่ ‘รุกตรวจ’ แบบนี้

0
1465

นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส. เขตบางขุนเทียน และโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงโครงการแพทย์ชนบทบุกกรุง ครั้งที่ 3 โดยระบุว่า ต้องขอให้กำลังใจและชื่นชมในความอดทนและเสียสละไปยังทีมแพทย์ชนบทและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยและทุกคน เพราะโครงการนี้เปรียบเสมือนแสงสว่างในการสู้โควิด – 19 หลังจากที่ประชาชนต้องอยู่กับความมืดมิดภายใต้การบริหารอย่างปล่อยปละละเลยมานาน แม้จะรู้ดีว่าการตรวจเชิงรุกเป็นเรื่องที่สำคัญมากในการสู้โควิดในขณะที่วัคซีนที่มีคุณภาพยังไปไม่ถึงแขนพวกเขา การที่พี่น้องประชาชนสามารถรู้ก่อน รักษาก่อน ก็คือทางรอดปลอดภัยโดยไม่จำเป็นต้องกลายเป็นผู้ป่วยสีแดงที่เป็นภาระหนักของระบบสาธารณสุขที่ตอนนี้ต้องบอกว่าเต็มแล้ว ช่วยลดการเสียชีวิต รวมถึงสามารถตัดวงจรการระบาดของโรคได้
.
“การรุกตรวจของทีมแพทย์ชนบทด้วย Antigen test Kit (ATK) ในครั้งนี้ต้องบอกว่า มีความพร้อมมากๆ ทั้งในด้านจำนวนที่ตั้งเป้าหมายตลอดเดือน 1 ล้านคน เฉพาะวันที่ 4-10 ส.ค. ซึ่งเป็นรอบแรกจะตรวจให้ได้ 250,000 คน คาดว่าจะพบผู้ติดเชื้อประมาณ 25,000 – 30,000 คน โดยหากพบผลเป็นบวกจะตรวจแบบ RT-PCR ซ้ำ เพื่อนำเข้าสู่ระบบดูแลแบบ Home Isolation ของ สปสช. ซึ่งจะมีคิวอาร์โค้ทให้สแกน หากประเมินว่าต้องได้รับยาฟาร์วิพิราเวียก็จะสั่งจ่ายยาทันที และจะมีแพทย์โทรไปติดตามอาการวันละ 2 ครั้ง มีระบบส่งอาหารและยา หากพบว่าป่วยหนักหรือเป็นระดับสีแดงจะส่งไปยังโรงพยาบาล สำหรับกลุ่มเสี่ยงสูงที่แพทย์ประเมินแล้วจะได้รับการฉีดวัคซีนเชิงรุกด้วย”
.
ณัฐชา กล่าวต่อไปว่า ตนและพรรคก้าวไกลสนับสนุนแนวทางของทีมแพทย์ชนบทเต็มที่และอยากให้รัฐบาล ให้ความสำคัญกับการตรวจเชิงรุกและระบบดูแลแบบนี้เช่นกัน ซึ่งความจริงก็มีคำแนะนำจากหลายฝ่ายมาตั้งนานแล้วไม่ว่าจะเป็นการปลดล็อกให้ตรวจด้วย Antigen test Kit และรับรองผลการตรวจให้รับเข้าสู่การลงทะเบียนและรักษา การตรวจเชิงรุกในพื้นที่เสี่ยงให้มากขึ้นที่สุด รวมถึงการทำ Home Isolation ซึ่งรัฐบาลก็อิดออดที่จะทำมาตลอด พอเกิดปัญหาบานปลายจนคุมไม่อยู่ มีผู้ติดเชื้อนิวไฮต่อเนื่องล่าสุดคือมากกว่า 20,000 คน และมีผู้เสียชีวิตทะลุ 200 คนเป็นวันแรก แต่นายกรัฐมนตรีกลับลอยตัวเหนือปัญหา ซึ่งสิ่งที่ทีมแพทย์ชนบทปฏิบัติภารกิจอยู่ ความจริงควรเป็นภารกิจของภาครัฐมาตั้งแต่ต้น เพราะมีทั้งงบประมาณ บุคลากร และอำนาจตามกฎหมายพิเศษ แต่ก็กลับเอาอำนาจนั้นไปใช้ในทางที่ผิดเพื่อจัดการผู้ชุมนุมเพียงอย่างเดียว จนเหมือนกับว่าโควิดระบาดมาจะสองปีแล้วรัฐบาลยังลำดับความสำคัญของปัญหาไม่ถูกเลย
.
“ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ารัฐบาล กระทรวงสาธารณสุข หรือกรุงเทพมหานคร ที่อยู่กับปัญหานี้มาเป็นปีๆ ประสบการณ์ดีๆในการแก้ปัญหาจากต่างประเทศก็มีมากมาย ทำไมจึงมองไม่เห็น คิดไม่ได้ ผมลงพื้นที่กี่ครั้งๆ ประชาชนก็ถามว่า ทำไมประเทศเราต้องอยู่ได้ด้วยอาสาสมัครตลอดเลยหรือ น้ำท่วมก็รอบริจาค โรคระบาดก็ให้อาสาสมัครมาทำงานแทนเต็มไปหมด รัฐบาลที่มีงบประมาณมหาศาลอยู่ตรงไหนในโครงสร้างปัญหานี้ ทีมแพทย์ชนบทก็เริ่มต้นจากอาสามาด้วยใจแบบนี้ อยู่ตั้งไกลแต่เห็นปัญหาต้องมาทำและทำอย่างจริงจริงด้วย” ณัฐชา ระบุ
.
โฆษกพรรคก้าวไกล ยังกล่าวอีกว่า ในฐานะ ส.ส.เขตบางขุนเทียน กรุงเทพ เห็นความสำคัญในเรื่องนี้ จึงประสานขอความช่วยเหลือไปยังชมรมแพทย์ชนบททุกครั้งที่มีการบุกกรุง ซึ่งก็ได้รับการตอบรับด้วยดี จึงต้องขอขอบคุณแทนพี่น้องประชาชน รอบก่อนมีการตรวจไป 9,000 คิว เจอผู้ติดเชื้อ 1,700 คน สำหรับรอบนี้ 4-10 ส.ค. ก็ได้ประสานไปเช่นกัน มีเป้าหมายการตรวจ จำนวน 16,500 คิว ทั่วบางขุนเทียน โดยได้ตรวจไปแล้วที่จุดคัดกรองพระราม 2 ซอย 92 , ชุมชนเอื้ออาทร บางขุนเทียน 3 , วัดแสมดำ ส่วนในวันที่ 9 ส.ค. จะมีการนัดคิวตรวจใหญ่จำนวน 5,000 คิว ที่วัดบางม่วง เขตบางแค โดยทีม ส.ส.กรุงเทพ พรรคก้าวไกล และกลุ่มเปลือกส้ม ซึ่งเป็นการรวมทีมอาสาสมัครและผู้สมัคร ส.ก.ของพรรคก้าวไกล จะขอไปเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนการทำงานของทีมแพทย์อย่างเต็มที่