นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคไทยสร้างไทย โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า
เมื่อคราวที่นายกรัฐมนตรีได้ออกข้อกำหนดฉบับที่ 29 ลงวันที่ 29 กรกฎาคม 2564 ถ้าจำกันได้ในคืนเดียวกันนั้นเอง พรรคไทยสร้างไทยเป็นพรรคแรกที่ออกแถลงการณ์คัดค้านและขอให้นายกรัฐมนตรียกเลิกข้อกำหนดดังกล่าวเพราะขัดต่อรัฐธรรมนูญ ล่าสุดศาลแพ่งมีคำสั่งให้คุ้มครองชั่วคราวห้ามใช้ข้อกำหนดดังกล่าวแล้ว
เมื่อเกิดการแพร่ระบาดรอบที่ 4 ของโควิด-19 และรัฐบาลได้อนุมัติเงินจำนวน 6,000 ล้านบาทเศษสั่งซื้อวัคซีนเพิ่ม พรรคไทยสร้างไทยได้ออกแถลงการณ์เตือนรัฐบาลว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 55 ได้กำหนดให้เป็นหน้าที่ของรัฐที่จะต้องดำเนินการให้ประชาชนได้รับบริการสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพอย่างทั่วถึง ซึ่งครอบคลุมถึงการควบคุมและป้องกันโรค การรักษาพยาบาล และการฟื้นฟูสุขภาพด้วย
เมื่อกฎหมายให้ถือเป็นหน้าที่ของรัฐ ดังนั้น การที่เกิดการแพร่ระบาดรอบใหม่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นถึงวันละ 20,000 คนเศษ จนผู้ป่วยล้นระบบสาธารณสุข หรือการจัดหาวัคซีนที่ไม่มีคุณภาพเพียงพอที่จะป้องกันการติดเชื้อ หรือการที่ประชาชนไม่ได้รับการรักษาพยาบาล หรือโรงพยาบาลปฏิเสธที่จะรับการรักษาจนต้องนอนตายกลางถนน ถือเป็นความล้มเหลวหรือความบกพร่องในการควบคุมและป้องกันโรค และการรักษาพยาบาลซึ่งหากพิสูจน์ได้ว่าเกิดจากความบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีที่รวบอำนาจเรื่องนี้ไว้ก็จะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 234 (1)
การจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย รัฐธรรมนูญมาตรา 234 (1) ให้เป็นอำนาจของ ป.ป.ช. ที่จะไต่สวนและฟ้องนายกรัฐมนตรีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แต่พรรคไทยสร้างไทยเห็นว่า ป.ป.ช. ชุดนี้ถูกแต่งตั้งโดย คสช. ถึง 7 ใน 9 คน จึงเลือกที่จะฟ้องคดีเองโดยมีประชาชนเห็นด้วยลงชื่อให้ฟ้องต่อศาลถึงเกือบ 700,000 คน
ขณะนี้ คดีอยู่ในระหว่างการเตรียมคำฟ้องของสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย คาดว่าในสัปดาห์หน้าน่าจะยื่นฟ้องนายกรัฐมนตรีและผู้เกี่ยวข้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบได้ มาลุ้นกันครับว่านายกรัฐมนตรีกับพวกจะติดคุกเพราะบกพร่องต่อหน้าที่ในกรณีของโควิด-19 ได้หรือไม่ หากศาลรับฟ้องก็จะต้องไต่สวนมูลฟ้อง ถ้าคดีมีมูลอะไรก็เกิดขึ้นได้บางทีอาจจะไม่ต้องเสี่ยงโควิดลงถนนไล่
