ด่วน! กมธ. งบ 65 มีมติคืนงบที่ตัดได้ 1.6 หมื่นล้าน เข้างบกลางตีเช็คเปล่าให้ประยุทธ์ ‘ทั้งหมด’ งงฝ่ายค้านก็เอากับเขาด้วย???

0
794

วันที่ 2 สิงหาคม 2564 ที่อาคารรัฐสภา ในการประชุมพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ที่ประชุมมีการพิจารณาการแปรญัตติคืนงบประมาณว่าควรจัดสรรงบประมาณที่อนุกรรมาธิการปรับลดไปให้กับหน่วยงานไหน
.
โดยนายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะกรรมาธิการได้เสนองบประมาณที่ปรับลดได้ ไปเพิ่มในส่วนของงบกลางที่ดูแลบริหารจัดการโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรี 16,362 ล้านบาท โดยอ้างว่าเพื่อแก้ปัญหาโควิด-19
.
ขณะที่ น.ส. ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เสนอให้ปรับเพิ่มงบประมาณให้กับกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น จำนวน 13,200 ล้านบาท เพื่อชดเชยรายได้ท้องถิ่นที่หายไปจากภาษีที่ดิน รวมทั้งขอเพิ่มงบประมาณให้กับกองทุนสวัสดิการต่างๆ ที่ทำหน้าที่ดูแลประชาชน แต่กลับถูกตัดงบประมาณลงในปีงบประมาณ 2565 ได้แก่ สำนักงานกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จำนวน 800 ล้านบาท, กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา จำนวน 631 ล้านบาท, สำนักงานกองทุนประกันสังคม เงินสมทบประกันสังคม จำนวน 1,669 ล้านบาท
.
ซึ่งผลการลงมติปรากฏว่าเห็นด้วย 35 ต่อ 7 และงดออกเสียง 3 เสียง โดยฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย ประกอบด้วย พรรคก้าวไกล 6 คน ได้แก่ 1.นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล 2.น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ 3.น.ส.วรรณวิภา ไม้สน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 4.น.ส.วรรณวรี ตะล่อมสิน ส.ส.กทม. 5.นายวาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.บัญชีรายชื่อ 6.นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ ส่วนอีก 1 เสียง คือ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ ในขณะที่ กมธ.จากพรรคเพื่อไทยเห็นด้วยตามที่นายบุญสิงห์ ส.ส. พลังประชารัฐเสนอ
.
ทั้งนี้ น.ส. ศิริกัญญา ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า การเพิ่มงบเข้างบกลางโดยบอกว่าเพื่อแก้ปัญหาโควิด-19 นั้นฟังเหมือนดูดี แต่ความจริงแล้วเมื่อเข้าไปอยู่ในมือของ พล.อ.ประยุทธ์ เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าจะนำเงินก้อนนี้ไปใช้กับเรื่องอะไร ใช้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลหรือไม่ และจะนำไปใช้ในการแก้ปัญหาโควิด-19 จริงหรือไม่เราอาจไม่ทราบได้
.
“ในขณะที่ท้องถิ่นขาดรายได้ ขนาดที่จะไม่มีเงินจ่ายเงินเดือนพนักงาน เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุก็ตั้งไว้ไม่พอจ่าย เราคิดว่าการคืนงบให้กับหน่วยงานที่มีภารกิจโดยตรง มีแผนการใช้จ่าย และมี “ใบเสร็จ” จะเป็นการช่วยเหลือประชาชนมากกว่าการโอนงบฯ เข้าสู่งบกลาง ตีเช็คเปล่าให้ พล.อ.ประยุทธ์บริหาร”
.
ด้าน น.ส.วรรณวิภา ไม้สน กมธ.จากพรรคก้าวไกล ปีกแรงงาน ให้ความเห็นว่าตนเสียใจ เศร้าใจ ผิดหวังมาก ในฐานะที่ที่เป็นประชาชนคนหนึ่ง แถมเป็นคนรากหญ้า ที่หาเช้ากินค่ำ หมดหวังกับการบริหารของรัฐบาลไม่พอ ยังผิดหวังกับการตัดสินใจของกรรมาธิการงบประมาณอีก
.
“อภิปรายกันมาตลอด ว่ารัฐบาลบริหารเงินไม่เป็น ไม่ตรงจุด แต่ยังมีมติเอาเงินทั้งหมดไปให้บกลาง ที่นายกและรัฐบาลริหาร ในขณะทีสวัสดิการประชาชนโดนตัดมากมาร่วม 35,000 ล้านบาท กลายเป็นว่าสวัสดิการประชาชนก็ต้องไปลุ้นชิงโชคเอาอีกเหมือนเดิม การเข้ามาเป็นกรรมาธิการครั้งแรก ตั้งใจมาทวงสวัสดิการให้ประชาชน เพราะเป็นสิ่งสำคัญมากในช่วงสถานการณ์แบบนี้ กลายเป็นว่าไม่สามารถทวงคืนอะไรได้เลย” น.ส. วรรณวิภากล่าว
.
ในขณะที่นายปกร์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล กมธ.จากพรรคก้าวไกล กล่าวทิ้งท้ายว่า
.
“พวกเราตั้งใจมาทำงานในกรรมาธิการ เพื่อรีดไขมันออกจากหน่วยราชการที่ตั้งงบมาโดยไม่คำนึงถึงวิกฤติของประเทศ เพื่อที่เราจะนำงบประมาณไปให้กับรายการที่ใช้จ่ายเพื่อสวัสดิการของประชาชนอย่างแท้จริง
.
ในเมื่อเราไม่รับหลักการในวาระ 1 เพราะเราไม่ไว้วางใจในการจัดสรรงบประมาณของ ประยุทธ์ .. แล้วเหตุผลอะไร ที่เราจะแปรงบที่ตัดมาได้ คืนให้งบกลาง เพื่อให้นายกฯ ที่ล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาครั้งนี้ มามีอำนาจเต็มในการจัดสรร”