“เพื่อไทย” ชี้ “ประยุทธ์” ล็อกดาวน์ล้มเหลว คนติดเชื้อพุ่ง คนตายยังเพิ่ม ห่วง หากปิดโรงงานจะกระทบการส่งออก ปัญหามาจากบริหารวัคซีนเละเทะ แนะ ฟังพี่โทนี่ เร่งติดต่อผู้นำต่างประเทศเพื่อยืมวัคซีน

0
953

นายนพ ชีวานันท์ ส.ส. พระนครศรีอยุธยา รองเลขาธิการ และ คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หลังจากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว. กลาโหม และ หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ได้สั่งล็อกดาวน์ 10 จังหวัด และ เพิ่มเป็น 13 จังหวัด รวมถึงจังหวัดพระนครศรีอยุธยาด้วย ได้สร้างความลำบากทางเศรษฐกิจให้กับประชาชนอย่างมาก แต่ปัญหาคือ หลังจากล็อกดาวน์แล้วปัญหาการระบาดกลับไม่ได้ลดลง แถมยังมีเพิ่มขึ้น โดยตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นจากวันละ 8 พันกว่า มาอยู่ที่วันละประมาณ 15,000 คน และเสียชีวิตวันละประมาณ 100 คนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแสดงถึงความล้มเหลวในการดำเนินการ ซึ่งหากทิศทางเป็นเช่นนี้ก็ไม่รู้ว่ารัฐบาลจะปลดล็อกดาวน์เมื่อไหร่ เพราะจะปลดได้ก็ต่อเมื่อตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลงมากซึ่งอาจใช้เวลาเป็นหลายเดือน แล้วเศรษฐกิจจะพังทลายเสียหายขนาดไหน

ทั้งนี้ หากรัฐบาลยังไม่มีระบบคัดแยกผู้ติดเชื้อที่ดี และ ยังไม่มีวัคซีนคุณภาพในจำนวน มากๆเข้ามาเร่งฉีดให้กับประชาชน การติดเชื้อก็จะลดลงได้ยาก และเป็นเรื่องที่ดีที่พลเอกประยุทธ์ได้เริ่มให้ค่ายทหารเปิดเป็นโรงพยาบาลสนามเพื่อรองรับผู้ติดเชื้อตามคำแนะนำของคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยและพี่โทนี่ เพราะจะมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีกมาก จึงอยากให้พลเอกประยุทธ์เร่งคัดแยกผู้ติดเชื้ออย่างมีประสิทธิภาพโดยเร็ว

ปัญหาเรื่องวัคซีนคุณภาพยังเป็นปัญหาใหญ่ คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยเสนอให้ระงับการส่งออกวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า โดยต้องส่งมาให้ไทยเดือนละ 10 ล้านโดส ตามสัญญาก่อนที่เหลือจึงส่งออกได้ แต่ปรากฎว่าความแตก บริษัทแอสตร้าเซนเนก้าทำจดหมายชี้แจงว่าไทยขอจองเพียงเดือนละ 3 ล้านโดส และ บริษัทเพิ่มให้เป็นเดือนละ 6 ล้านโดสแล้ว โดย รมว. สาธารณสุขขอเป็น 10 ล้านโดสในภายหลังซึ่งทำไม่ได้แล้ว นี่เป็นหลักฐานสำคัญที่แสดงถึงปัญหาการบริหารจัดการวัคซีนของรัฐบาลที่ล้มเหลวแต่แรกอย่างให้อภัยไม่ได้ แม้ต่อมาจะส่งผู้อำนวยการวัคซีนออกมาสารภาพผิดเพราะจำนนต่อหลักฐานยอมเป็นแพะรับบาปแทน แต่พลเอกประยุทธ์และนายอนุทินก็ไม่สามารถรับผิดแทนได้ ทั้งนี้เพราะจะปล่อยให้คนระดับผู้อำนวยการทำประเทศล่มสลายเละเทะขนาดนี้ได้อย่างไร อีกทั้งจากการสัมภาษณ์ในอดีตทั้งพลเอกประยุทธ์และนายอนุทินพิสูจน์ได้ว่าน่าจะรับรู้และสั่งการเองมาตลอด

ผลกระทบจากการล็อกดาวน์และอาจจะต้องล็อกดาวน์ไปอีกนาน จะทำให้เศรษฐกิจที่ทรุดหนักอยู่แล้ว ต้องถึงกับพังย่อยยับ การขยายตัวทางเศรษฐกิจของปีนี้มีโอกาสที่จะติดลบสูง ซ้ำเติมจากปีที่แล้วที่ติดลบแล้ว 6.1% เศรษฐกิจในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาก็คงหนี้ไม่พ้น ประชาชนจะตกงานและลำบากกันอีกมาก

ทั้งนี้ การล็อกดาวน์ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาก็เช่นกัน ตัวเลขผู้ป่วยยังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในพื้นที่บริเวณที่มีเขตอุตสากรรม ทั้งนี้เพราะมาตรการทางสาธารณสุขในโรงงานยังไม่ดีเพียงพอ ทำให้พนักงานที่ติดเชื้อไวรัสมาจากโรงงานแล้วได้นำเชื้อไปแพร่ให้กับครอบครัว และชุมชนที่อาศัยอยู่ ทำให้มีการเรียกร้องจากชาวบ้านในพื้นที่ ให้มีการปิดโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อระงับการแพร่กระจายของไวรัส

ซึ่งหากมีการปิดโรงงานอุตสากรรมจะส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจของไทยในภาพรวม เพราะการส่งออกของไทยกำลังมีทิศทางที่ดี และเป็นเครื่องจักรเศรษฐกิจเดียวที่ยังทำเงินเข้าประเทศ โดยการส่งออกขยายตัวกว่า 40% มา 2 เดือนติดกันแล้ว ดังนั้น รัฐบาลจึงต้องมีวางระบบคัดแยกผู้ติดเชื้อที่ดี โดยปัจจุบันมีการเสนอให้ใช้วิธีการ Bubble & Seal โดยให้กักพนักงานที่ติดเชื้อไว้ในโรงงาน มีระบบเหมือนกับในโรงพยาบาลสนาม โดยทำกันในโรงงาน เพราะคนติดเชื้อส่วนใหญ่กลุ่มนี้จะไม่มีอาการป่วย ใครที่สมัครใจกลับไปอยู่บ้านก็ใช้ระบบโฮมไอโซเลชั่น หรือกักตัวเองที่บ้าน ก็จะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดและโรงงานก็ยังสามารถดำเนินงานต่อได้ไม่ต้องปิด

สำหรับเรื่องวัคซีน อยากให้พลเอกประยุทธ์ได้ฟังคำแนะนำของพี่โทนี่และเร่งติดต่อขอยืมวัคซีนจากประเทศมหาอำนาจที่เขาจะต้องมีการเก็บสำรองไว้อยู่แล้ว เพื่อนำมาเร่งฉีดให้ประชาชนก่อน และเมื่อสามารถสั่งบริษัทวัคซีนผลิตได้แล้วจึงนำไปคืน ซึ่งหากมีสายสัมพันธ์ที่ดีย่อมสามารถทำได้ ถ้าหากทำไม่ได้หรือทำไม่เป็นก็สามารถร้องขอให้พี่โทนี่ช่วยเจรจาให้โดยมอบอำนาจให้เจรจาแทนอย่างเป็นทางการ

ในภาวะวิกฤตไวรัสโควิดครั้งนี้ พลเอกประยุทธ์ต้องสำนึกตัวได้แล้วว่าได้ทำผิดพลาดหลายเรื่อง ดังนั้นพลเอกประยุทธ์ต้องหาทางแก้ไขในทุกทางที่เป็นไปได้ อย่ายึดติดอีโก้ของตัวเอง ต้องเอาประชาชนให้รอดก่อน เพราะหากคนเจ็บคนตายยังเพิ่มขึ้นไม่หยุด ประชาชนจะทนกันไหมไม่ไหว และ อาจจะต้องเร่งออกมาขับไล่พลเอกประยุทธ์ เพราะผู้นำกลายเป็นอุปสรรคในการแก้ปัญหาไปแล้ว