ไม่ทิ้งคนสมุทรปราการ ‘วุฒินันท์’ นำทีม ‘ก้าวไกล-ก้าวหน้า’ สำรวจความเดือดร้อนหลังเหตุเพลิงไหม้ ‘หมิงตี้เคมีคอล’ เรียกร้อง ‘มหาดไทย’ เป็นเจ้าภาพหลักดูแลเยียวยาความเสียหายประชาชน

0
691

17 ก.ค. 64 วุฒินันท์ บุญชู ส.ส. สมุทรปราการ เขต 4 พรรคก้าวไกล และ พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า นำทีมงานพรรคก้าวไกลและคณะก้าวหน้า พบปะเยี่ยมเยียนประชาชนในพื้นที่ชุมชนหลังวัดกิ่งแก้ว ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เพื่อสอบถามปัญหาและติดตามความช่วยเหลือจากภาครัฐ หลังเกิดเหตุระเบิดและเพลิงไหม้โรงงานหมิงตี้เคมีคอล ซึ่งเป็นโรงงานเก็บสารเคมีที่ทำให้ต้องมีคำสั่งอพยพประชาชนในรัศมี 5-10 กิโลเมตร เมื่อวันที่ 5 ก.ค. ที่ผ่านมา
.
วุฒินันท์ ส.ส.สมุทรปราการ กล่าวว่า ตนและทีมงานพรรคก้าวไกล ลงพื้นที่ต่อเนื่องมาตั้งแต่เกิดเหตุวันแรกคือ วันที่ 5 ก.ค. โดยทีมงานได้เข้าไปช่วยในการลำเลียงอพยพประชาชนไปศูนย์พักพิงชั่วคราว 7 จุดที่มี อบต.บางพลีใหญ่ เป็นศูนย์กลาง เมื่อสถานการณ์ดีขึ้นจึงได้เริ่มสำรวจความเสียหาย โดยเริ่มจากชุมชนหลังวัดกิ่งแก้วเป็นชุมชนแรก เนื่องจากเป็นชุมชนใกล้เคียงจุดเกิดเหตุ ห่างจากโรงงานเพียง 800-900 เมตรเท่านั้น และสภาพเศรษฐกิจของชุมชนที่ต้องยอมรับว่าอาจไม่สามารถฟื้นฟูซ่อมแซมอาคารบ้านเรือนที่เสียหายได้เองโดยเร็ว ทางทีมงานก้าวไกลจึงร่วมกับคณะก้าวหน้า ที่มี ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นประธาน มาช่วยเหลือซ่อมแซมความเสียหายให้ชุมชนเป็นการเบื้องต้น
.
“เหตุการณ์ระเบิดและเพลิงไหม้เกิดขึ้นวันที่ 5 ก.ค. ซึ่งผ่านมาแล้วกว่า 10 วัน แต่การดูแลความเสียหายที่มีผู้ได้รับผล กระทบเป็นจำนวนมากยังไม่เกิดขึ้น ทั้งในเรื่องของการชดเชยเยียวยาและการซ่อมแซมอาคารบ้านเรือน รวมถึงผลกระทบด้านสุขภาพที่ยังไม่มีการตรวจในส่วนของประชาชน ซึ่งพวกเขายังมีความกังวลถึงผลกระทบจากสารพิษตกค้างต่างๆทั้งในร่างกายและในธรรมชาติคือ อากาศ ดิน และน้ำ การติดตามดูแลในเรื่องเหล่านี้ เจ้าภาพหลักควรเป็นกระทรวงมหาดไทย อย่างไรก็ตาม แม้จะเป็นพรรคฝ่ายค้านและมีทรัพยากรจำกัด แต่พรรคก้าวไกลและคณะก้าวหน้าได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดในเข้าช่วยเหลือ ในวันเกิดเหตุได้นำผู้ตกค้างอพยพออกมารวมถึงเปิดใช้พื้นที่ของสาขาพรรคก้าวไกลเพื่อเป็นศูนย์ประสานงานและมอบสิ่งอุปโภคบริโภคที่จำเป็นให้แก่ผู้อพยพ เมื่อเหตุการณ์สงบลง พรรคก้าวไกล คณะก้าวหน้า มูลนิธิบูรณะนิเวศและทีมงานอาสายังได้เข้าไปยังชุมชนในบริเวณในรัศมีที่เกิดเหตุเพื่อเก็บข้อมูลและซ่อมแซมบ้านเรือนที่เสียหายจากแรงระเบิด โดยได้ซ่อมแซมอาคารบ้านเรือนบางส่วนไปแล้วประมาณ 40-50 หลังคาเรือน รวมถึงโรงเรียนวัดกิ่งแก้ว แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นทั้งหมดยังคงต้องได้รับการดูแลจากภาครัฐ ผมจึงต้องออกมากล่าวในวันนี้ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลอย่านิ่งเฉย อย่าเอาเรื่องการแพร่ระบาดของโควิดมากลบปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องชาวสมุทรปราการของเรา”
.
จากนั้น วุฒินันท์ จึงได้กล่าวถึงข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล 4 ประการ ได้แก่
.
ประการแรก รัฐบาลต้องสำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้น และประเมินมูลค่าความเสียหายโดยเร็วที่สุด
.
ประการที่สอง รัฐบาลต้องทำการเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่ประชาชนตามความจริง โดยให้ออกพระราชกำหนดเหมือนครั้งน้ำท่วมใหญ่ปี 54 เพื่อเยียวยาพี่น้องที่ได้รับผลกระทบโดยไม่จำกัดวงเงิน และเมื่อรัฐบาลทำการเยียวยาแล้ว ก็ให้รัฐบาลเรียกรายจ่ายต่างๆ ที่ใช้ในการเยียวยาจากผู้ก่อความเสียหาย ซึ่งก็คือบริษัทหมิงตี้ ตามที่พระราชบัญญัติวัตถุอันตรายได้ให้อำนาจไว้ รัฐบาลควรเข้ามาร่วมทุกข์ร่วมสุขกับประชาชน อย่าปล่อยให้ประชาชนต้องขึ้นโรงขึ้นศาลสู้ยืดเยื้อกับบริษัทเจ้าของโรงงานเพียงลำพัง
.
ประการที่สาม รัฐบาลต้องเปิดให้ประชาชนตรวจสอบเอกสารเกี่ยวกับใบอนุญาตในการประกอบกิจการของโรงงาน (รง.4) และรายงานการประชุมในการพิจารณาการอนุญาตให้ประกอบกิจการของโรงงานทุกฉบับ นับแต่มีการเริ่มดำเนินกิจการมา และให้มีการตรวจสอบพื้นที่ แผนผังการจัดวางเครื่องจักร และเอกสารที่เกี่ยวกับการอนุญาตให้ใช้เครื่องจักรทุกฉบับ
.
ประการที่สุดท้าย รัฐบาลต้องเปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบรายงานการศึกษามาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัย (ESA) รายงานการประเมินความเสี่ยงที่เกิดจากการประกอบกิจการโรงงาน เอกสารเกี่ยวกับการจัดการและขจัดมลพิษ และรายงานการรับฟังความเห็นของประชาชนที่เกิดจากการดำเนินกิจการโรงงานตามกฎหมายโรงงาน
.
ต่อมา วุฒินันท์ จึงได้นำสื่อมวลชนร่วมสำรวจ ชุมชนหลังวัดกิ่งแก้ว โดยได้รับเสียงสะท้อนจากประชาชนว่า ในวันที่เกิดเหตุตกใจมาก มีความสับสน และบ้านเรือนได้รับความเสียหาย เช่น กระจกแตก ผนังร้าว ฝ้าพัง ดังนั้น แค่การลงมาให้กำลังใจก็ถือว่ามีความสำคัญ แต่ถึงตอนนี้ยังไม่เห็นมีหน่วยงานใดจากภาครัฐเข้ามาสำรวจความเสียหายเลย มีเพียงการให้ไปลงทะเบียนไว้กับ อบต.ราชาเทวะ เพื่อรอรับเงินเยียวยา ส่วนที่พังก็ให้สำรองจ่ายไปก่อน ซึ่งสภาพเศรษฐกิจแบบนี้จะทำได้อย่างไร การที่พรรคก้าวไกลและคณะก้าวหน้ามาช่วยซ่อมแซมอย่างรวดเร็วจึงประหลาดใจมาก นอกจากนี้ยังการแสดงขอบคุณรวมถึงบางคนยังฝากไล่รัฐบาลประยุทธ์ออกไปด้วย