“สมเกียรติ ศรลัมพ์” แนะนายกต้องเลิกใช้วิธีแก้แบบทหาร เลิกใช้อำนาจรวมศูนย์ !!

0
781

นายสมเกียรติ ศรลัมพ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักงานรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคประชาภิวัฒน์ ซึ่งเป็นหนึ่งในพรรคร่วมรัฐบาล  ระบุว่า ปรากฏการณ์  จากการได้อ่านข่าวสารทุกวันได้ยินแต่เสียงคร่ำครวญต่อผลกระทบในวงกว้างของปัญหาโควิด นับวันก็ทวีความรุนแรงมากขึ้น แต่นายกก็ยังใช้วิธีแก้ไขแบบทหารคือซิงเกิ้ลคอมมานด์แต่ สภาพข้อเท็จจริงปัญหานั้นส่งผลกระทบกว้างไกลหลายมิติเช่น เศรษฐกิจ ภาคท่องเที่ยว เกษตรกรรม แรงงาน อุตสาหกรรม ฯลฯ อย่างกว้างขวางและลึก ภาคสังคม ก็เกิดความหวั่นไหวในเสถียรภาพครอบครัว อาชญากรรมเพิ่มขึ้นมากมาย ภาคการเมือง ก็ขาดความร่วมเมือความใว้เนื้อเชื่อใจจริงใจต่อฝ่ายบริหารว่าจะจริงใจไม่มีความต้องการทับซ้อนหรือจะสามารแก้ไขหรือเข้าใจความซับซ้อนของปัญหาที่เกิดขึ้นี้จริงหรือไม่

สภาพปัญหา  เป็นปัญหาใหม่ขยายตัวอย่างกว้างไกลและลึก เป็นปัญหาที่กว้างใหญ่กระทบระดับโลก ยังไม่รู้จริงว่ามีวิธีแก้อย่างไรวัคซีนที่ผลิตมาทั้งค่ายเอเซีย ยุโรป อเมริกา ก็มีระยะเวลาทดลองสั้นยังไม่สามารถประกันคุณภาพได้ร้อยเปอร์เซ็นต์และไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไรพัฒนาโควิดสายพันธุ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับสาระของปัญหาเกี่ยวกับชีวิดและสุขภาพของประชาชนทั้งประเทศอย่างไม่เคยมีมาก่อนจึงเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินวิกฤตจริงๆ

แนวทางแก้ไข  การแก้ไขสถานการณ์ยามวิกฤต(Crisis management)ขอให้นายกรัฐมนตรียุติแนวคิดยุทธศาสตร์ทางการทหารที่รวมศูนย์อำนาจการตัดสินใจใว้กับนายกท่านเดียวและอาศัยพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พศ.2548 (ตามที่กำหนดในพระราชกำหนดนี้สถานการณ์ฉุกเฉินหมายความว่าสถานการณ์อันกระทบหรืออาจกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนหรือเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐหรืออาจทำให้ประเทศหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของประเทศตกอยู่ในภาวะขับขันหรือมีการกระทำความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญาการรบ หรือการสงคราม )การใช้พรกฉุกเฉินดังกล่าวเป็นการใช้เครื่องมือที่แรงเกินกว่าปัญหาที่เกิดจึงก่อให้เกิดปัญหาใหม่ตามมามากมายมีการจับกุมผู้ฝ่าฝืนคำสั่งนี้มากมายกฏ หมายนี้ให้เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติเป็นกรรมการและเลขานุการศบค ซึ่งเป็นการใช้เครื่องมือที่ผิดวิธีการก่อให้เกิดการใช้บุคลากรที่ผิดประเภทขอให้ท่านหยุดต่ออายุพรกฉุกเฉิน  ท่านใช้แค่คำสั่งนายกรัฐมนตรีแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน โดย ศปค ประกอบไปด้วยผู้ที่เกี่ยวข้องกับภารกิจในทางปฏิบัติส่วนราชการและภาคเอกชนโดยมีรองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีกรอบงบประมาณที่จะสามารถสั่งการใช้งาบประมาณได้ทันทีด้วยวิธีพิเศษไม่ใช้งบประจำที่จะกระทบต่องานประจำของข้าราชการเขาจะไม่เต็มใจรับงานขณะประชุมในปัจจุบันแม้จะใช้งบประจำก็ต้องใช้ระเบียบพัสดุสำนักนายกผ่านขั้นตอนมากเชื่องช้า และต้องกำหนดให้เป็นศุนย์ปฏิบัติงานตลอด24 ชม.รับเรื่องราวแก้ไขปัญหาผลกระทบโควิด ตลอดเวลาแก้ปัญหาผู้ปฏิบัติงานทุกภาคส่วนได้ทันทีตลอดเวลารับฟังความคิดเห็นวิธีทางแก้ไขจากทุกภาคส่วน ต้องมีการแถลงค์ข่าวทุกวันว่าได้ปฏิบัติงานอย่างไรบ้างต่อคำร้องที่รับมาต่อไปจะทำอย่างไรเพิ่มเติม

งานนี้เป็นงานใหญ่และซับซ้อนแก้คนเดียวไม่ได้ครับต้องร่วมเมือกันรับฟังกันทั้งราษฎร์ และรัฐ ในทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รัฐบาลควรออกพ.ร.ก.ฉุกเฉินว่าด้วยการจัดการเกี่ยวกับโควิด2564และให้มีรายละเอียดเกี่ยวกับการส่งเสริมสนับสนุนยาหลักคือให้กำหนดว่าวัคซีนที่ได้รับการประกาศจากWHO ให้สามารถอนุญาตนำเข้ามาในประเทศไทยได้โดยไม่ต้องตรวจสอบจาก อย.และสามารถนำเข้าประเทศได้โดยภาคราชการเอกชน ที่ประกอบกิจการโรงพยาบาล โรงงานผลิตยาที่มีใบประกอบโรศิลปเพี่ยงแต่นำใบต้นสังกัดจากโรงงานผลิตวัคซีนตามที่WHO ประกาศแล้วมาแสดงเพื่อนำเข้ายาที่มาตรฐานทุกประเภทให้เพียงพอโดยเร็วที่สุดสังคมจะได้มีภูมิคุ้มกันร่วมและยาทางเลือกซึ่งเป็นสมุไพร เช่นกระชายขาว ฟ้าทลายโจรฯลฯ และมาตรการส่งเสริมบันเทาผลกระทบจากโควิดโดยใช้งบประมาณโดยยกเว้นตามระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้องเช่นรัฐควรจะพักหนี้ธนาคารสองปีในกิจการที่ได้รับผลกระทบจากธนาคารโดยรัฐควรให้ธนาคารชาติผ่อนผันการจัดการหนี้ธนาคารต่อลูกหนี้ที่หยุดการชำระเงินต้นส่วนดอกเบี้ยรัฐบาลสั่งให้ลดลงและรับผิดชอบแทนเหมือนการพรรคหนี้เกษตรกรสมัยรัฐบาลก่อนแต่ต้องให้ทุกกิจการที่เข้าโครงการต้องไม่ปลดพนักงานแต่จะลดเงินค่าจ้างจากสภาพการจ้างบ้างตามที่ตกลงกัน ที่กล่าวมานี้ด้วยความรักและความปรารถนาดีต่อสังคมซึ่งถ้าเปิดโอกาสให้ทุกคนช่วยกันคิดช่วยกันทำเราจะสามารถผ่านวิกฤตินี้ไปด้วยกันครับต้องจริงใจต่อประชาชนไม่ต้องกังวลอเมริกาสมัยติดรุนแรง ดีตประธานาธิบดีไม่ทำอะไรเลยติดวันละแปดหมื่นคนจนจำนวนผู้ติดเชื้อกว่าสิบล้านเป็นอันดับหนึ่ง เราแค่สองแสนเองขอให้ใจกว้างฟังคนอื่นบ้างเดินให้ถูกทาง