ายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจ กล่าวในงานเสวนา “วิกฤติโควิด-19 ทางออกก่อนถึงทางตัน” ว่า อยากถามพลเอกประยุทธ์ตามที่หลายคนได้ถามไว้คือ “ได้ยินเสียงร้องไห้ของประชาชนไหม?” ซึ่งถ้าได้ยิน ทำไมถึงทำทุกอย่างได้มั่วและเละได้ขนาดนี้ ไม่น่าเชื่อว่าประเทศไทยจะมาถึงจุดที่เละเทะขนาดนี้ได้ จากฝีมือการบริหารของรัฐบาลและผู้นำที่ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง จนพลเอกประยุทธ์ดูเหมือนจะหมดสภาพแล้ว ถามว่าแปลกใจไหม ต้องบอกตรงๆว่าไม่แปลกใจ เชื่อมาตลอดว่าด้วยหลักคิดที่ย่ำแย่ของพลเอกประยุทธ์ต้องทำประเทศเละแน่ แต่ไม่คิดว่าจะเละได้มากและเละได้เร็วขนาดนี้ แสดงถึงการระบบคิดที่มีปัญหาหรือที่เรียกว่า “ผู้นำพิการทางความคิด” ซึ่งเป็นมาตั้งแต่สมัยที่เรียกผม 12 ครั้งแล้ว เป็นการปรับทัศนคติ 8 หน แถมยังตรวจสอบบัญชีผมทุกบัญชี พยายามกลั่นแกล้งให้ ปปช. ตรวจเพื่อจับผิดผมทุกโครงการ แต่ไม่พบความผิด แทนที่จะไปศึกษาสิ่งที่ผมพูด เหตุที่ผมต้องพูดแม้ถูกกดขี่บังคับหลายหนเพราะผมเชื่อว่าจะต้องเละ ซึ่งตอนนี้ก็เละเทะจริงอย่างที่ได้เตือนไว้ ถึงไม่มีโควิดก็จะยังเละ แต่อาจจะเละช้าหน่อย แต่พอดีมีโควิดเลยเร่งให้เละมากขึ้นและเร็วขึ้น ซึ่งถ้าผมเชื่อว่าพลเอกประยุทธ์จะมีหนทางทำให้ประเทศเจริญได้แม้สักนิด ผมคงไม่ปฏิเสธคำเชิญชวนให้ไปร่วมด้วยหรอก แต่เพราะผมรู้ว่าจะไปไม่รอดแน่ ซึ่งก็จริงเพราะตั้งแต่หลังเลือกตั้งทุกอย่างเริ่มลงเหวมาตลอด พอผมปฏิเสธไม่เข้าร่วมทางการเมืองกับพลเอกประยุทธ์ ผมก็เริ่มถูกดำเนินคดีเลย แต่โชคดีผมได้ทนายดี ซึ่งสุดท้ายอัยการก็ไม่สั่งฟ้องผม และนี่แหละคือวิธีคิดของพลเอกประยุทธ์
อย่างไรก็ตาม ที่น่ากังวลคือ สภาวะปัจจุบันที่ว่าแย่หนักอยู่แล้ว จะยิ่งแย่หนักขึ้นไปอีก เสียงร้องไห้ของประชาชนจะยิ่งดังขึ้นไปอีก ทั้งนี้เพราะสภาวะเศรษฐกิจที่จะยิ่งทรุดหนัก สภาวะการระบาดที่จะรุนแรงขึ้น คนเจ็บคนตายจะยิ่งมากขึ้น ทั้งหมดนี้เกิดมาจากความผิดพลาดในการจัดการวัคซีนที่ผมและพรรคเพื่อไทยได้เตือนมาตลอด แต่พลเอกประยุทธ์กลับไม่ใส่ใจ หรือคิดไม่เป็น ซึ่งเป็นความผิดพลาดที่ไม่สามารถจะอภัยให้ได้เลย โดยอยากให้ข้อมูลเพื่อประชาชนจะได้เตรียมรับสถานการณ์ดังนี้
สภาวะเศรษฐกิจจะยิ่งทรุดหนัก เศรษฐกิจไทยต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะฟื้น ล่าสุดธนาคารแห่งประเทศ (ธปท.) ลดการคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปีนี้ลงเหลือ 1.8% โดยที่ธนาคาร CIMB บอกว่าถ้ายังคุมโควิดไม่อยู่ เศรษฐกิจอาจจะขยายตัวได้ไม่ถึง 1% และ ธปท. ยังได้ลดการคาดการณ์การขยายตัวเศรษฐกิจของปีหน้าเหลือเพียง 3.9% ซึ่งอาจจะต่ำกว่าได้อีก ซึ่งเมื่อรวม 2 ปีแล้วก็ยังต่ำกว่าเศรษฐกิจปี 63 ที่ติดลบถึง – 6.1% เสียอีก โดยธปท.หวังว่า เศรษฐกิจจะฟื้นได้ในปี 66 ซึ่งก็อีก 2 ปี ซึ่งประชาชนจะต้องลำบากกันต่ออีกมาก หนี้ครัวเรือนล่าสุดพุ่งขึ้นถึง 14.13 ล้านล้านบาท สูงสุดในรอบ 18 ปี แตะ 90.5% เรียบร้อย และ น่าจะถึง 92% ในปลายปีตามที่ได้คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้รัฐบาลยังเก็บรายได้ใน 8 เดือน พลาดเป้าไปเกือบ 2 แสนล้านบาทแล้ว ตามที่ได้เตือนไว้ก่อนหน้านี้แล้ว และกว่าจะครบ 12 เดือน น่าจะพลาดเป้าเกือบ 3 แสนล้านบาทได้ หนี้สาธารณะที่รวมการกู้อีก 5 แสนล้านก็จะยิ่งพุ่งเกินเพดานที่ 60 %,หนี้เสียของภาตธนาคารยิ่งเพิ่มขึ้นมากจนกระทรวงการคลังและ ธปท. ต้องเร่งหามาตรการอุ้ม แต่ก็คงจะไม่ง่าย ถ้ารัฐบาลยังไม่มีแผนงานชัดเจน การปิดกิจการจะเพิ่มขึ้น คนจะตกงานเพิ่มขึ้น ระดับเงินเฟ้อจะสูงขึ้นตามภาวะเงินเฟ้อของโลก ระดับราคาสินค้าและราคาน้ำมันจะเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะเห็นได้ว่าปัญหาทางเศรษฐกิจจะถาโถมเข้ามามากขึ้น แต่รัฐบาลกลับทำตัวเหมือนไม่เดือดร้อน หัวเราะเฮฮา บนคราบน้ำตา และ ซากศพของประชาชนที่ถ้าไม่ตายจากไวรัสโควิด ก็ต้องฆ่าตัวตายจากพิษเศรษฐกิจที่มีเพิ่มขึ้นทุกวัน
ทั้งนี้ ปัญหาการแพร่ระบาพของไวรัสที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยสาเหตุหลักมาจากความผิดพลาดและล้มเหลวในการบริหารจัดการวัคซีน คำถามที่ประชาชน คาใจในมุมของเศรษฐกิจ ดังนี้
- ทำไมไม่สั่งวัคซีนหลายยี่ห้อมามากๆตั้งแต่แรก ทั้งที่มีเงินไม่ใช่ไม่มีเงิน กู้มาตั้ง 1 ล้านล้านบาทแล้ว เป็นการจัดลำดับความสำคัญที่ผิดพลาดมาก
- ทำไมต้องเป็นซิโนแวค ทั้งที่ข้อมูลปรากฏทั่วไปว่า วัคซีนซิโนแวคไม่สามารถป้องกันไวรัสสายพันธุ์เดลต้าจากอินเดียได้ ถึงฉีดได้มากก็ไม่เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ ซึ่งก็ไม่เกิดประโยชน์ ทำให้คนคิดไปถึง GT 200 เลย ที่ซื้อมาแล้วเสียเปล่า
- ทำไมราคาวัคซีนซิโนแวตที่ไทยซื้อถึงแพงกว่าที่ประเทศอื่นซื้อถึงประมาณ 100 บาทต่อโดส นี่เป็นเหตุผลที่สั่งวัคซีนซิโนแวคจำนวนมากใช่หรือไม่ พร้อมกับข้อมูลในสื่อหลักสหรัฐ เดอะวอชิงตันโพสต์ เปิดเผยว่าบริษัทซิโนแวคมีประวัคิการจ่ายสินบนให้กับเจ้าหน้าที่รัฐ ยิ่งสร้างความสงสัยมากยิ่งขึ้น ห่วงจะเป็นเหมือนประเทศบราซิลที่ประชาชนประท้วงเพราะมีการรับสินบนจากบริษัทวัคซีนทำให้ไม่นำเข้าวัคซีนที่มีคุณภาพ
- ทำไมไม่สั่งซื้อ วัคซีน mRNA เช่น ไฟเซอร์และโมเดอร์นา จำนวนมากๆ ในขณะที่ ฟิลิปปินส์ยังสั่งซื้อได้ 40 ล้านโดส หรือ แม้แต่ประเทศลาวยังมีวัคซีนไฟเซอร์ฉีดให้ประชาชน โดยไฟเซอร์บอกเองว่าได้ติดต่อกับประเทศกำลังพัฒนาทุกประเทศแล้ว แต่ได้รับการปฏิเสธ
นี่เป็นเพียงบางคำถามเท่านั้น เรื่องวัคซีนยังมีคำถามอีกเป็นจำนวนมาก และ เป็นสาเหตุหลักของความล้มเหลวของพลเอกประยุทธ์ในปัจจุบันและจะยิ่งล้มเหลวมากขึ้นเรื่อยๆ
หากจะพูดถึงความล้มเหลวของพลเอกประยุทธ์คงพูดได้ไม่หมด แต่ก็คงไม่มีประโยชน์เพราะตอนนี้พลเอกประยุทธ์กลายเป็น “โมฆะบุรุษ” ของประชาชนส่วนใหญไปแล้ว ดังนั้นจึงอยากเสนอ “ทางออกก่อนถึงทางตัน” ใน 7 ทางออกดังนี้
- เร่งสั่งซื้อวัคซีน mRNA เช่น ไฟเซอร์และโมเดอร์นารวมแล้วประมาณ 60 ล้านโดสให้เข้ามาเร็วที่สุด โดยควรจะระงับการซื้อวัคซีนซิโนแวค ได้แล้วเพราะไม่เกิดประโยชน์ และต้องเร่งฉีดให้กับบุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าโดยด่วน
- จัดการให้มั่นใจว่าวัคซีน แอสต้าเซเนก้า จะส่งมอบตามจำนวนที่ตกลง พร้อมเปิดสัญญาให้ประชาชนรับรู้ เพราะข้อมูลล่าสุดบอกส่าโรงงานผลิตได้ไม่ครบจำนวนที่คาดหมาย ซึ่งถ้าจำเป็นก็ต้องห้ามการส่งออกเพื่อใข้วัคซีนเพื่อกระจายฉีดให้ประชาชนในประเทศก่อน
- เร่งกระจายการฉีดวัคซีนที่มีคุณภาพให้เร็วและมากที่สุด และ กำหนดวันเปิดประเทศที่พร้อมและทำได้จริง ไม่ใช่ขายฝัน เพื่อเอกชนจะได้เตรียมพร้อมและทำการตลาดรองรับได้การเปิดประเทศได้อย่างเชื่อมั่น
- จัดการวิธีการเยียวยาใหม่ ยกเลิกการแจกเงินสะเปะสะปะและการแจกหว่านแต่มุ่งช่วยเฉพาะกลุ่มคนที่เดือนร้อนอย่างแท้จริง
- เร่งออกซอฟท์โลน 0% ให้ภาคธุรกิจเพื่อสอดคล้องกับการเปิดประเทศ เพื่อภาคธุรกิจจะได้มีเงินทุนฟื้นฟูและดำเนินธุรกิจต่อได้
- เร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปิดสวิตช์ สว. เพื่อให้สะท้อนเสียงของประชาชนอย่างแท้จริง อย่าปล่อยให้ประเทศเดินไปสู่ความวุ่นวายและถึงทางตัน เมื่อประชาชนไม่เอาพลเอกประยทธ์แล้ว แต่ สว. จะพยายามจะดึงดันกัน
- พลเอกประยุทธ์และรัฐบาลต้องออกไปได้แล้ว เพราะล้มเหลวเกินเยียวยา ไม่สามารถสร้างความเชื่อถือให้กับคนในประเทศและต่างประเทศได้แล้ว รัฐบาลที่เคยโม้ว่าเป็นดรีมทีมกลายเป็นรัฐบาลฝันร้ายของประชาชนไปแล้ว
นี่เป็นทางออกที่เร่งด่วนและสามารถทำได้จริง ก่อนจะถึงทางตันที่ประเทศจะยิ่งล้มเหลวหนักและเดินหน้าต่อไปไม่ได้ พลเอกประยุทธ์จะต้องเปิดใจและเปิดสมองรับฟังได้แล้ว เพราะที่ผ่านมาเพราะความดื้อรั้นและเข้าใจผิดคิดว่าตัวเองเก่งสุดและดีสุด ประเทศถึงได้ย่ำแย่สุดๆจนมาถึงจุดนี้ ถ้าหากมาถึงขั้นนี้แล้วยังคิดไม่ได้ก็แย่แล้ว แสดงว่าไม่ได้เห็นแก่ความยากลำบากของประชาชนเลย