ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า เยือน “ตรัง” รณรงค์ปลดล็อกท้องถิ่น – ชี้กรณีปัญหาท่าเทียบเรือเกาะลิบงล่าช้า เพราะความซ้ำซ้อนของภารกิจ ไม่มีหน่วยงานไหนจัดการได้เด็ดขาด
.
ปิยบุตร กล่าวในหัวข้อ “ยุติรัฐราชการรวมศูนย์ คืนอำนาจสู่ท้องถิ่น คืนประโยชน์ให้คนตรัง” ตอนหนึ่งว่า ปัญหาของผู้บริหารท้องถิ่น นอกจากไม่มีอำนาจจัดทำบริการสาธารณะทุกเรื่องในพื้นที่แล้ว อีกปัญหาหนึ่งที่ชัดเจนและเกิดขึ้นที่ จ.ตรัง นั่นก็คือเรื่องความซ้ำซ้อนของภารกิจ อย่างกรณีการสร้างท่าเทียบเรือเกาะลิบง อ.กันตัง ที่ส่วนกลางมีงบพัฒนาจังหวัดมาให้ และดำเนินการสร้างโดยสำนักโยธาธิการและผังเมืองจังหวัด โดยเริ่มสร้างตั้งแต่ปี 2558 แต่วันนี้ยังไม่เสร็จ เอกชนทิ้งงาน ประชาชนต้องใช้สะพานไม้ชั่วคราว การข้ามไปข้ามมาเป็นไปด้วยความยากลำบาก จนขนาดว่าล่าสุดประชาชนในพื้นที่ทนไม่ไหวต้องลงขันกันเองเพื่อสร้างท่าเทียบเรือเล็กๆ สำหรับใช้งานก่อน คำถามคือ ทำไมการจัดสร้างนี้ผู้บริหารท้องถิ่น คือ องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ไม่เป็นฝ่ายทำ นายก อบจ.มาจากประชาชนน่าจะเร่งรัดแก้ปัญหาความเดือดร้อนได้ ทั้งที่เมื่อไปดูกฎหมายก็เห็นว่ามีอำนาจทำได้ คำตอบก็คือ สำนักโยธาธิการและผังเมืองก็มีอำนาจด้วย และที่สำคัญคือมีงบประมาณมากกว่า ดังนั้น พอจะสร้างอะไรก็สู้ส่วนกลางหรือส่วนภูมิภาคไม่ได้ ต่อมาเมื่อเกิดปัญหา ก็ไม่ได้สนใจประชาชน เพราะประชาชนให้คุณให้โทษอะไรไม่ได้ ผู้ว่าราชการจังหวัดมานั่งหัวโต๊ะเพื่อแก้ปัญหาก็ทำได้ไม่เด็ดขาด เพราะสำนักโยธาธิการและผังเมืองจังหวัด เขาไม่ได้เป็นลูกน้องของผู้ว่าฯ เจ้านายเขาคืออธิบดีอีกกรมหนึ่ง
.
“ปัญหาเรื่องความซ้ำซ้อนในการจัดทำโครงการระหว่างส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค กับส่วนท้องถิ่นนั้นยังมีอยู่อีกมากมาย เพราะจังหวัดหนึ่งๆ นั้นมีหน่วยงานส่วนภูมิภาคที่ส่วนกลางส่งมาและสามารถที่จะมีภารกิจอยู่หลายหน่วยงานมากๆ เราไม่สามารถหาเจ้าภาพหน่วยเดียวที่จะจัดการจบปัญหาในจังหวัดได้ด้วยตัวเอง ผมเชื่อว่าถ้าปลดล็อกท้องถิ่นสำเร็จ ตามข้อเสนอของเรา อำนาจจะอยู่ที่ผู้บริหารท้องถิ่น ความชัดเจนของภารกิจจะเกิดขึ้น เพราะเราจะระบุว่าภารกิจหน้าที่บริหารสาธารณะในพื้นที่ต้องเป็นของท้องถิ่นก่อน และยิ่งมีงบประมาณและบุคคลากรแล้ว ปัญหาของพี่น้องก็จะได้รับการแก้ไขอย่างตรงจุดและทันท่วงที” ปิยบุตร กล่าว
.
ปิยบุตร กล่าวด้วยว่า เคยอ่านและฟังการให้สัมภาษณ์ของคุณชวน หลีกภัย ส.ส.ตรัง หลายสมัย ซึ่งปัจจุบันเป็นประธานรัฐสภา นานมาแล้วท่านเคยพูดเอาไว้ในทำนองตัดพ้อว่า จ.ตรัง นั้นมีศักยภาพด้านต่างๆ อยู่มาก โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว อยากให้มีโครงการต่างๆ มาลงบ้าง มาทำโครงสร้างพื้นฐาน ทำถนนหนทางให้ดี ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่พูดนี้คือการสื่อไปถึงรัฐส่วนกลาง โดยตอนนั้นก็อาจจะเป็นการท้วงติงถึงรัฐบาลว่าอยู่คนละฝั่งหรือไม่จึงไม่มีโครงการพัฒนาเข้ามา สิ่งที่อดีตนายกรัฐมนตรีพูดนี้ สามารถแก้ปัญหาได้ด้วยปลดล็อกท้องถิ่น เพราะถ้าเอาอำนาจ เอาภารกิจ งบประมาณและบุคคลากรมาให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ก็ไม่ต้องขอโครงการมาลง ส.ส.ไม่ต้องวิ่งหางบประมาณจากกระทรวงทบวงกรมต่างๆ มาลง เพราะผู้บริหารท้องถิ่นสามารถจัดการได้ทั้งหมดแล้ว
.
“ในการอภิปราย พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณล่าสุด ส.ส.พรรคก้าวไกลได้ทำการแปลงโครงการต่างๆ เพื่อดูว่างงบประมาณไปลงอยู่ที่จังหวัดไหนมากที่สุด คำตอบก็คือจังหวัดบุรีรัมย์ สาเหตุนั่นเป็นเพราะเขาได้เป็นฝ่ายรัฐบาล มีรัฐมนตรี มี ส.ส.ยกจังหวัด ซึ่งถ้าเป็นอย่างนี้ จังหวัดไหนที่มีแต่ ส.ส.ฝ่ายค้าน ก็จะไม่มีโครงการมาลงเลยใช่หรือไม่ ปัญหาอย่างนี้ ผมเชื่อว่าถ้าปลดล็อกท้องถิ่นแล้ว เรื่องการผันโครงการมาลงก็คงจะไม่เกิดขึ้น เพราะโครงการทั้งหมด ปัญหาของพี่น้องประชาชนทั้งหมดจะถูกจัดการโดยผู้บริหารท้องถิ่น ประชาชนไม่ต้องรอลุ้นหรือรอส่วนบุญว่าเขาจะแบ่งหรือจะมีโครงการพัฒนามาให้เมื่อไหร่” ปิยบุตร กล่าว