นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย ให้ความเห็นกรณี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้นำประเทศ ระเบิดอารมณ์ “อะไรจะเกิด ก็ต้องเกิด” กรณีตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงการระบาดรอบใหม่ของ ไวรัสโควิด – 19 นั้น
ผมเห็นว่า ในสถานการณ์ที่อ่อนไหว สุ่มเสี่ยงต่อความแตกตื่นของประชาชน นายกรัฐมนตรีควรมีวุฒิภาวะควบคุมอารมณ์ต่อการแสดงความเห็นในการแก้ปัญหาของประเทศมากกว่านี้ เพราะคำพูดดังกล่าวตีความไปได้ว่า “ให้เป็นไปตามเวร ตามกรรม” ซึ่งกระทบกับความเชื่อมั่นของประเทศที่มีน้อยอยู่แล้ว ให้น้อยลงไปอีก
หนทางที่นายกรัฐมนตรี ควรจะทำเฉพาะหน้าก็ คือ หยุดการแพร่ระบาดตามมาตรการทางด้านสาธารณสุขอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เฉพาะอย่างยิ่ง ไวรัสที่ตรวจพบที่ “ทองหล่อ” ซึ่งเป็นคลัสเตอร์อยู่ในปัจจุบัน เป็นไวรัสสายพันธ์อังกฤษ ซึ่งแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้รายงานต่อสาธารณะว่า มีคุณสมบัติแพร่ระบาดได้เร็วกว่าสายพันธุ์เดิมหลายเท่า และที่สำคัญไม่แสดงอาการในระยะแรกให้ผู้รับเชืัอได้สังเกตอาการของตนเอง
ดังนั้น การระงับยับยั้งการแพร่ระบาดตามมาตรการทางสาธารณสุขอย่างทันการณ์และมีประสิทธิภาพจึงจำเป็นในลำดับแรก ซึ่งไม่มีใครทราบดีกว่าบุคลากรอาวุโสทางด้านสาธารณสุข
ในขณะเดียวกันมาตรการที่เข้มงวดก็สวนทางกับความต้องการเพิ่มรายได้ทางด้านการท่องเที่ยวเพื่อสร้างเงินหมุนเวียนในชุมชนในสังคม
การบริหารจัดการที่เหมาะสม ผมคิดว่าสังคมไม่อยากเห็นการจัดการกับผู้ประกอบการร้านอาหารโดยทั่วไปแบบเหวี่ยงแห แต่ควรมีมาตรการที่เข้มข้นกับผู้ประกอบการของผู้มีอภิสิทธิ์ชนที่เปิดร้านอาหารหรูบังหน้า แต่มีบริการด้านอื่นที่สุ่มเสี่ยงต่อการแพร่โควิดแอบแฝงอยู่ข้างหลัง ดังที่เป็นข่าวฉาวโฉ่อยู่ในปัจจุบัน
ร้านอาหารโดยทั่วไปควรได้รับการดูแล ไม่ควรได้รับผลกระทบใด ๆ ซ้ำเติมทางด้านเศรษฐกิจอีก และถ้าไม่จำเป็นใด ๆ นายกรัฐมนตรีควรให้ ศบค.แถลงข่าวเกี่ยวกับเรื่องโควิด ซึ่งถ้าเป็นเรื่องสำคัญในระดับนโยบายก็ควรให้คณะแพทย์อาวุโสเป็นผู้แถลงข่าวหรือให้ข่าวต่อสาธารณชนเพื่อป้องกันความสับสนที่ออกจากปากนายกรัฐมนตรีเอง